ในเมื่อขี้ชะมดยังนำมาทำเป็นกาแฟได้ แล้วทำไม “ขี้ควาย” จะทำไม่ได้ ความเชื่อนี้ทำให้อาจารย์จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ที่ต้องการให้คนไทยเห็นคุณค่าของควายไทย รวมถึงอยากสานต่อปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานต้นกาแฟให้ชาวเขาบนดอย จ.เชียงราย ให้ลดการปลูกฝิ่น หันมาปลูกกาแฟสร้างรายได้ จึงนำ 2 อย่างนี้มาควบรวม กลายเป็น “กาแฟขี้ควาย” ขายกิโลละหมื่น!
ครั้งแรกในไทยที่มี “กาแฟขี้ควาย” เกิดขึ้นในไทย แถมยังดื่มได้จริง ให้รสชาติที่แตกต่าง สร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับคอกาแฟ ไอเดียนี้เกิดจาก “อ.สุรสิทธิ์ ปุสุรินทร์คำ” หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีศิลปกรรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย เปิดผู้ริเริ่ม และกล้าลองทำ
“ผมเป็นอาจารย์สอนด้านศิลปะ ดังนั้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ต้องมีอยู่เสมอ รวมถึงต้องการสร้างมูลค่าให้ชุมชน จึงมีการสอดแทรกและปลูกจิตสำนึกเรื่องศาสตร์พระราชาให้แก่เด็กนักศึกษาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฝาย การสรรหาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า รวมถึงยังพาเด็กไปลงพื้นที่ศึกษาความเป็นมาของชุมชนใน จ. เชียงราย กระทั่งมีโอกาสไปที่ดอยช้าง ดอยวาวี ทำให้รู้ว่ากาแฟขี้ชะมด ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการบริโภคแม้ราคาจะสูงถึงกิโลละ 3 หมื่น ทำให้ผมเกิดแนวคิดที่จะนำควาย ที่ปางควาย ใน จ.เชียงราย มาทดลองทำเป็นกาแฟขี้ควายดูบ้าง”
ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะขบขัน แต่หลายคนก็อดหัวเราะในความคิดของ อ.สุรสิทธิ์ ไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เขาคิดจะทำ “กาแฟขี้ควาย” แต่เมื่อทำออกมาได้เป็นผลสำเร็จ หลายคนทึ่งในความสามารถ และสนใจที่นำแนวคิดนี้ไปต่อยอดเป็นธุรกิจ ซึ่ง อ.สุรสิทธิ์ ไม่หวงวิชา
แต่กว่าจะมาเป็น “กาแฟขี้ควาย” ได้นั้น ขั้นตอนการทำเขาต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยยังคงวิถีชีวิตของควาย ที่ปางควายไว้เช่นเดิม โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน โดยเขานำผลกาแฟสุกคุณภาพดีมาผสมกับเม็ดฉำฉา ซึ่งควายกินเป็นประจำ จากนั้นเมื่อได้มูลควาย ก็จ้างชาวบ้านเก็บขี้ควาย พร้อมคัดแยกเมล็ดกาแฟออกจากขี้ควาย โดยให้กิโลกรัมละ 100 บาท ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ปางควายมีควายอยู่หลายร้อยตัว ทำให้สามารถผลิตกาแฟขี้ควายออกมาได้ระดับหนึ่ง โดยเมื่อได้มูลควายมาแล้ว จะต้องนำมาล้าง จากนั้นแกะเปลือกเชอรี่ (สีแดง) ล้างเมือก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ปี เพื่อให้ได้รสชาติและความหอม จากนั้นก็นำไปคั่ว บด ชง
ครั้งแรกที่ อ.สุรสิทธิ์ ได้ลิ้มลองกาแฟขี้ควายเป็นครั้งแรกนั้น รสชาติจะขม และเปรี้ยว แต่ไม่มาก แต่รสเฝื่อนไม่มี ซึ่งรสเปรี้ยวนั้นสักพักจะเปลี่ยนเป็นรสหวานชุ่มคอ ซึ่งถือเป็นรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับคอกาแฟ ถึงขนาดเมื่อนำไปให้ชาวบ้านที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ ยังชื่นชอบ เพราะรู้สึกว่าไม่ขมเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับได้ความหวานเหมือนการกิน 'ดีควาย' อีกด้วย
แม้จะตั้งราคาขายไว้ที่กิโลกรัมละ 10,000 บาท ก็ยังมีมีลูกค้าที่อยากจะลิ้มลอง โดย อ.สุรสิทธิ์ มีการแบ่งขายเป็นซองขนาด 50 กรัม 500 บาทด้วย รวมถึงมีผู้สนใจขอซื้อสิทธิบัตร ซึ่งเขายินดีขายเพื่อนำรายได้มาต่อยอดความคิดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งเขาต้องการให้มีหน่วยงานภาครัฐฯ มาลงทุนทำวิจัย เพื่อแจ้งเกิดกาแฟขี้ควายให้โด่งทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าชาวเบลเยียม และลอนดอน มาดูงานและร่วมเจรจาธุรกิจ นอกจากนี้เมล็ดกาแฟยังไปเป็นน้ำชาได้อีกด้วย โดยนำเมล็ดกาแฟประมาณ 3-4 เมล็ด ใส่ลงในน้ำร้อนจะให้ความหอม รสละมุน ซึ่งขณะนี้จัดโปรมั่นอยู่สำหรับกาแฟขี้ควายขนาด 500 กรัมขายในราคา 300 บาท
หากใครสนใจลิ้มลอง “กาแฟขี้ควาย” ต้องมาที่ปางควาย บ้านห้วยน้ำราด อ.แม่จันทร์ จ.เชียงราย หรือสนใจสั่งไปลองชิม ก็ไปที่เฟซบุก Surasit Pusurinkham หรือ 08-6192-5179
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *