งานนี้เครื่องสำอางเกาหลีคงต้องชิดซ้ายเมื่อเจอน้ำตบมะขามของเด็กไทยรุ่นใหม่วัย 28 ที่หลงใหลในสมุนไพรไทยนำมะขามเปรี้ยวมาต่อยอดเป็นเอสเซนส์เพิ่มความชุ่มชื่นให้ใบหน้าจนคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาแล้ว 3 ประเทศอย่างเกาหลีฮ่องกงและเยอรมันกับแบรนด์ที่ชื่อว่า “มะแอ” (Maae)
จากเด็กที่ผิวแพ้ง่ายเข้าคลินิกรักษาสิวเป็นว่าเล่นทั้งยิงเลเซอร์ และกลายเป็นคนที่ได้ชื่อว่าแพ้ยาสเตียรอยด์มาแล้ว มาวันนี้น้องมะแอ หรือ "ทรรศมณฑ์ ช้างแก้ว" วัย 28 ปี มีผิวหน้าที่แข็งแรงขึ้นไม่แพ้ง่ายและไม่ต้องใช้น้ำดื่มจากขวดล้างหน้าอีกต่อไป ปัญหานี้หมดไปด้วยมะขามเปรี้ยวในท้องถิ่น อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยนักวิชาการและความสู้ไม่ถอยของน้องมะแอ จนเกิดเป็น “น้ำตบมะขาม” อุดมด้วยสมุนไพร 6 ชนิด ตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าของบรรดาสาวๆ ได้เบ็ดเสร็จในขวดเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า ลดรอยสิว ฝ้ากระ ใบหน้ากระจ่างใส และช่วยสมานผิว ได้ด้วยสรรพคุณของใบบัวบกพร้อมคว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติมาถึง 3 ประเทศ
แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ครอบครัวถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้น้องมะแอ เลือกเดินบนเส้นทางของการนำสมุนไพรไทยมาเพิ่มมูลค่า โดยคุณพ่อถือเป็นต้นแบบสำคัญวางรากฐานให้เธอเห็นคุณค่าของธรรมชาติบำบัด โดยก่อนหน้านี้บิดาของเธอมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง หลายโรครุมเร้า จึงหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมุนไพรไทย โดยเริ่มศึกษาด้วยตัวเอง และทดลองทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวกาย อย่าง สบู่ทองคำ มีส่วนผสมของสมุนไพรถึง 9 ชนิด ทำใช้เองในครอบครัว รวมถึงแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านได้ใช้กันก่อน ก็ได้รับการตอบรับดี จึงทำขายอย่างจริงจัง โดยช่วงนั้นน้องมะแอ ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน ก็นำไปขายเพื่อนๆ ก็ได้รับการตอบรับดีเช่นกัน จากนั้นเธอก็ช่วยพัฒนาในเรื่องแพคเกจจิ้งเรื่อยมา
แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการอย่างเต็มตัว เป็นช่วงที่เธอตัดสินใจเข้าอบรมโครงการผู้ประกอบการใหม่ (NEC) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ โดยต้องการจะต่อยอดผลิตภัณฑ์เอสเซนส์ (Essence) เพื่อการบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกเน้นวัตถุดิบสมุนไพรไทย แต่อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการแนะนำให้เธอเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า ทำให้เธอนึกถึงมะขามเปรี้ยวที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ บ้านเกิดมานำเสนอ เพราะคุณสมบัติพื้นฐานของมะขามคือการช่วยผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความกระจ่างใส นอกจากนั้นยังยังนำสมุนไพรอีก 6 ชนิดมาผสมรวมกันด้วย ได้แก่ สาหร่ายแดง ชะเอมเทศ ไฮยาลูโรเนต แอซิด (Hyaluronic Acid) วิตามินบี 5 และใบบัวบก ช่วยสมานผิวที่เกิดจากรอยสิว เป็นต้น
“โดยในช่วงแรกเป็นเอสเซนส์ที่มีส่วนผสมของมะขามเพียงอย่างเดียว ทำให้ดูแลเรื่องผิวพรรณได้ไม่ครบวงจร ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้าสาวๆ ในยุคนี้มากนัก และประกอบกับเราไม่ค่อยชอบใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าหลายตัว รู้สึกว่าเสียเวลา ต้องการเอสเซนส์ที่เบ็ดเสร็จในขวดเดียว จึงเริ่มทำการวิจัยร่วมกับ 'ดร.อัญชลี สงวนพงษ์' อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการวิจัยการผลิตสารสกัดจากพืช จนได้ส่วนผสมสมุนไพรอีก 6 ชนิดมาเพิ่มเติม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า ใบหน้ากระจ่างใส ฉ่ำวาว ลดการเกิดสิว และที่สำคัญช่วยทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น และเมื่อหยุดใช้ก็ไม่เกิดผลข้างเคียง แถมยังใช้ได้ในอุณหภูมิติดลบถึง 17 องศาเซลเซียส”
เมื่อ “น้ำตบมะขาม” ผ่านการทำวิจัย จนได้ผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งน้องมะแอ ยังไม่ได้จำหน่ายอย่างจริง ทาง ดร.อัญชลี ก็แนะนำให้นำผลงานไปประกวดที่ฮ่องกง ในงานเกี่ยวกับนวัตกรรม IIDC 2016 ก็คว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ จากผลิตภัณฑ์ 'Tamarind hydrating Essence' จากการที่เป็นที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการนำเอามะขามเปรี้ยวมาทำเป็นเอสเซ็นต์ จากที่ผ่านมามีแต่คนนำมะขามมาทำเป็นสครับขัดผิว ซึ่งหลังจากได้รางวัลมาครอง ก็ทำให้น้ำตบมะขามเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็วและยอดขายเพิ่มสูงขึ้นในไทย
แต่ความท้าทายในเวทีการแข่งขันยังไม่หยุดแค่นั้น น้องมะแอตัดสินใจนำน้ำตบมะขามไปร่วมประกวดในงาน KIWIE 2017 ณ ประเทศเกาหลีใต้ ก็คว้ารางวัลชนะเลิศมาด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่เป็นแหล่งเครื่องสำอางอันเลื่องชื่อ จากนั้นบุกประเทศเยอรมนี ก็คว้าประกาศนียบัตร ที่ไม่ได้ให้ใครง่ายๆ แต่เธอทำสำเร็จ เรียกได้ว่า “น้ำตบมะขาม” คว้าชัยจากเวทีระดับโลกมาแล้วถึง 3 ประเทศ
นอกจากผลิตภัณฑ์ “น้ำตบมะขาม” อันโด่งดังแล้ว ภายใต้แบรนด์มะแอ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรไทยและพืชพันธุ์ที่คุ้นเคย อาทิ 'ซิลกี้แฮร์โคช' ช่วยให้เส้นผมไม่เกิดไฟฟ้าสถิตและมีส่วนผสมของวิตามินอีช่วยให้เส้นผมนุ่มแลดูมีน้ำหนักสลวยเป็นประกายเงางาม 'สบู่โปรตีนรังไหม' จากธรรมชาติ อุดมด้วยกรดอะมิโน 18 ชนิดช่วยพยุงผิวให้เต่งตึงและมีความยืดหยุ่น ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลง 'แชมพูน้ำมันมะกอก' ช่วยทำให้เส้นผมอ่อนนุ่มบำรุงผมที่แห้งเสียและไม่มีสารเคมี 'สบู่เหลวน้ำมันมะกอก' อุดมด้วยกรดไขมันและวิตามินอี ให้ความชุ่มชื่นต่อผิวไม่มีสารเคมีตกค้าง 'ครีมนวดผมสูตรมะกรูด' ไม่มีสารโซเดียมใช้เป็นประจำทำให้เส้นผมนุ่มลื่นป้องกันผมเสียหอมสดชื่นไม่มีสารเคมีตกค้าง และ 'บอดี้โลชั่นสกัดจากฟักข้าวและน้ำนมข้าว' มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสียให้กลับมาแลดูชุ่มชื่นอีกครั้งชะลอความแก่ของเซลล์ผิว และ 'สบู่สมุนไพรน้ำผึ้งผสมทองคำ' มีส่วนผสมของกรีเซอรีน รังไหม นมผง ไพร ขมิ้นชัน มะขาม ลาโนลีน คาโมมาย วิตามินอี ช่วยในเรื่องของปัญหาสิวและขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันภายใต้ชั้นผิว
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ แบรนด์ “มะแอ” มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน อยู่ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เลือกใช้มะขามปลอดสารพิษในท้องถิ่น โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000 ขวด/เดือน ขายในราคา ขวดละ 2,500 บาท (ขนาด 120 มล.) ใช้ได้ประมาณ 5เดือน เพียงหยด 2-3 หยดลงบนฝ่ามือ ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าเพื่อให้ซึมลงผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ ขณะที่ช่องทางจำหน่ายมีหน้าร้านที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ห้างเซ็นทรัลเชียงใหม่ ร้าน Good Health สาขา ถ.นิมมานเหมินทร์ รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในเฟซบุก Maae Herbal ซึ่งเธอมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ครบวงจรในส่วนของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย แต่ยังคงความเป็นสมุนไพรไทยเป็นหลัก เน้นการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเด็กรุ่นใหม่ที่รักในสิ่งใดแล้ว ก็จะมุ่งมั่นทำให้ถึงที่สุด อย่าง “น้ำตบมะขาม” ที่น้องมะแอนอกจากจะเพิ่มค่าให้สมุนไพรไทยแล้ว ยังสร้างชื่อให้ประเทศชาติด้วย
***สนใจติดต่อ 09-1078-9039 หรือที่ Facebook: Maae Herbal***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
