xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจด้านสุขภาพมาแรง ยอดจดทะเบียนเพิ่มสูงสุดในรอบ 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยมูลค่าการลงทุนธุรกิจด้านสุขภาพของผู้ประกอบธุรกิจไทยเพิ่มสูงสุดในรอบ 5 ปี หลังไทยก้าวสู่สังคมสูงอายุ ชี้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ 'Health Care' กลายเป็นธุรกิจยอดฮิตตั้งแต่ปลายปี 2560

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับกระแสรักสุขภาพ ทำให้ธุรกิจบริการด้านสุขภาพต่างๆ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาด "บริการสุขภาพ" หรือ "Health care" ถือเป็นธุรกิจที่น่าจับตาในเวลานี้ ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจบริการด้านสุขภาพของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกับตลาดบริการด้านสุขภาพทั่วโลก การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับความต้องการ (Demand) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต เมื่อพิจารณาภาพรวมการจัดตั้งธุรกิจบริการด้านสุขภาพของไทย พบว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ที่ส่งผลให้ธุรกิจบริการด้านสุขภาพได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว การหันมาใส่ใจสุขภาพ นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมธุรกิจบริการด้านสุขภาพให้สามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้อย่างเข้มแข็ง ประกอบกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมด้านสุขภาพที่มีมาตรฐาน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ธุรกิจบริการด้านสุขภาพที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทยมีจำนวน 4,086 ราย แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 3,381 ราย คิดเป็นร้อยละ 83 ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 670 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 บริษัทมหาชนจำกัด 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 1

สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนนิติบุคคลของธุรกิจบริการด้านสุขภาพในประเทศไทยที่คงอยู่ปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 117,908 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2560) โดยมีสัดส่วนการลงทุนดังนี้ มูลค่าการลงทุนของคนไทยอยู่ที่ 116,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99 และมูลค่าการลงทุนของต่างชาติอยู่ที่ 1,137 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น มูลค่า 104 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.09 รองลงมาคือ ฮ่องกง มูลค่า 93 ล้านบาท คิดเป็น 0.08 และสิงคโปร์ มูลค่า 85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.07 ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ คือ กรุงเทพมหานคร มูลค่าการลงทุน 60,936 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52 รองลงมาคือจังหวัดที่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ

นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงผลประกอบการและอัตราส่วนทางการเงิน พบว่าธุรกิจบริการด้านสุขภาพมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 10.87 เป็นร้อยละ 11.93 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนจากสินทรัพย์ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์และการบริหารสภาพคล่อง

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศจุดหมายปลายทางของภูมิภาคเอเชียที่ได้รับความนิยมจากนานาประเทศของการให้บริการด้านสุขภาพ ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการ SME จะต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาการให้บริการ และสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด รวมถึงต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ เพื่อยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่ครบวงจร และสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้าที่ไม่หยุดนิ่งเช่นกัน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *




กำลังโหลดความคิดเห็น