ปัจจุบันเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง ใครหลายๆ คนกำลังต้องการหุ่นที่สวย และสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของร้านอาหารเพื่อสุขภาพเกิดขึ้นมากมาย แต่จะมีกี่รายที่เป็นตัวจริง วันนี้มีร้านเบเกอรีที่เขาเคลมว่า เป็นตัวจริง ในเรื่องเบเกอรีเพื่อสุขภาพ ชื่อว่า Meloliz
นายสิวัจ กุลชล หรือ “ตู้” หนึ่งในเจ้าของร้าน เล่าว่า ร้านนี้เกิดขึ้นมาจากตนเองและเพื่อนอีก 3 คน ได้แก่ นางสาวลิซ่า ทากาชิระ,นายวงศกร ศิวะพรชัย, นายชินณพัฒน์ ลิ้มกอบฤทธิ์ ร่วมกันทำธุรกิจเบเกอรีเพื่อสุขภาพนี้ขึ้นมา เพราะเห็นว่าในตลาดมีความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เรายังมองไม่เห็นว่าใครจะเป็นตัวจริง ดังนั้น ในเมื่อเราทั้ง 4 คนมีความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างนั้นเราก็ทำกันเองเสียเลย ส่วนหนึ่งมั่นใจว่าของเราเป็นเบเกอรีเพื่อสุขภาพจริง และเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพของแท้
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นมาจาก “ลิซ่า” เป็นคนที่ชอบกินขนมหวานและเคยอ้วนมาก่อน จึงอยากดูแลตัวเอง โดยการลดน้ำหนัก ประกอบกับเพื่อนอีกคนเป็นคนที่ออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสเป็นประจำจึงชวนกันไปออกกำลังกาย หลังจากที่ออกกำลังกายแล้วจำเป็นจะต้องกินอาหารคลีนควบคู่ไปด้วย แต่เวลาที่ไปเลือกซื้ออาหารที่แคลอรีน้อย แต่เมื่อไปดูที่สลากข้างกล่อง ส่วนผสมต่างๆ ยังคงไม่ตรงตามที่ต้องการ
“ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าขนมคลีนที่ขายทั่วไป และมีการระบุแคลอรีข้างกล่อง แต่แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ระบุไว้ก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ทำกินเอง ซึ่ง ”ลิซ่า” ชื่นชอบการทำขนมอยู่แล้ว เวลาเจอกันก็จะได้กินขนมฝีมือของ “ลิซ่า” เมื่อได้ลองกินแล้วรสชาติถูกปาก จึงคิดจะทำร้านนี้ ความคิดหลักที่อยากทำร้านนี้คือต้องการให้ลูกค้าได้ขนมเพื่อสุขภาพ และยังได้สารอาหารครบถ้วน และที่สำคัญคือ ไม่อ้วน และขนมของเรายังเหมาะกับคนที่แพ้แป้ง แพ้นม และรสชาติคล้ายอาหารทั่วไป กินง่าย โดยเราจะบอกลูกค้าหมดว่าใส่ส่วนผสมอะไรแบบไม่ปิดบัง เพราะเรามีกลุ่มลูกค้าที่มีอาการแพ้ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องบอกความจริงกับลูกค้าด้วย”
สำหรับสูตรการทำขนมของทางร้าน ทั้งหมดจะมาจาก “ลิซ่า” เพราะมีพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งลิซ่าเป็นคนญี่ปุ่น ขนมที่ออกมาจะเป็นสูตรการทำเบเกอรีแบบญี่ปุ่น รวมถึงเมนูที่เป็นไฮไลต์ของทางร้าน อย่าง “เค้กเต้าหู้” ซึ่งจะเป็นเมนูที่รสชาติใกล้เคียงกับขนมเค้กทั่วไปมากที่สุด และเป็นสูตรสำหรับคนที่แพ้ถั่วด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่น รวม 10 เมนู ได้แก่ บราวนี (ไม่มีส่วนผสมของแป้ง) ชาโคลบาร์ ส่วนผสมหลักเป็นธัญพืช ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการอาหารที่รับประทานง่าย สะดวก และให้พลังงานพอเหมาะกับการออกกำลังกาย คุกกี้มันญี่ปุ่น เมลตี้ช็อก (ทุกเมนูให้ความหวานด้วยหญ้าหวาน) เป็นต้น
นายสิวัจ เล่าว่า หลังจากเปิดร้านในช่วงแรกไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากลูกค้าค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม และด้วยทำเลที่เปิดร้านไม่ได้อยู่ในแหล่งชุมชน คนที่รู้จักร้านเราเกือบ 100% รู้จักเราผ่านทางช่องทางออนไลน์ ก่อนจะเดินทางมาที่ร้าน แต่หลังจากเปิดร้านมาได้ระยะหนึ่ง ลูกค้าที่ไม่เป็นไปตามเป้า ต้องเพิ่มช่องทางการขายใหม่โดยนำขนมไปฝากขาย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก เพราะขนมของเราเป็นขนมเพื่อสุขภาพ ราคาแตกต่างจากขนมที่ขายทั่วไป ดังนั้นการขายจะต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ต้องหาช่องทางใหม่ โดยการนำขนมเข้าไปเสนอกับทางห้าง และเปิดขายเพิ่มในห้างสรรพสินค้า ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะในห้างมีลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเขาได้เห็นสินค้า ได้พูดคุย ทำให้เราขายขนมได้มากขึ้น แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะผ่านมา 8 เดือน ยอดขายไม่เพิ่มมากนัก ปัจจุบันมีสาขาเปิดในห้าง 3 สาขา รวมการขายที่หน้าร้านมียอดขายวันละประมาณ 1 หมื่น ถึง 2 หมื่นบาท จากเป้าที่เราวางกันไว้ คือต้องทำขายให้ได้ 1 ล้านบาทต่อเดือน
“อย่างไรก็ตาม เราก็เข้าใจได้ว่าธุรกิจนี้มันอาจจะไม่บูม เหมือนกับร้านที่ขายอาหารเมนูแปลก เปิดตัวที่เดียวก็ดังเลย แต่ร้านของเราจะเหมือนเด็กที่กำลังตั้งไข่ เหมือนค่อยๆ โต พอลูกค้าได้มาลองแล้วจะไปไหนไม่ได้เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ไหนอีก”
เมื่อพูดถึงเรื่องราคา ถ้าลูกค้าบางรายนำเค้กของที่ร้านไปเปรียบเทียบกับร้านทั่วไป จะคิดว่าราคาของทางร้านแพง แต่จริงๆ แล้วราคาของที่ร้านไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบจากวัตถุดิบที่ใช้ เช่น ความหวาน ทางร้านจะไม่ใช้น้ำตาลทราย แต่จะใช้ความหวานจากหญ้าหวานแทน เป็นสารให้ความหวาน หรือแม้กระทั่งเกลือ ที่ร้านจะใช้เป็นเกลือหิมาลัย
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้หญิง เพราะผู้หญิงกับขนมเหมือนเป็นของคู่กันมากกว่าลูกค้าผู้ชาย และผู้หญิงยังเป็นกลุ่มรักและใส่ใจดูแลเรื่องของสุขภาพมากกว่า ส่วนหน้าร้านเปิดอยู่ที่ ถนนพระราม 9 ซอย 43 และในห้างสรรพสินค้า ที่ The Emporium (ชั้น 4), ห้าง Central Bangna (ชั้น B1) และที่ห้าง The Mall Bangkapi (ชั้น G) แผนในอนาคต ตั้งใจที่จะมีร้านขนาดใหญ่กว่านี้ และได้แบ่งพื้นที่ให้กับคนทำอาหารเพื่อสุขภาพได้มารวมตัวขายอาหารเพื่อสุขภาพ
“ตู้” บอกกับเราว่า เขาทั้ง 4 คนลาออกจากงานประจำ ดังนั้น ทั้ง 4 คนจริงจังและทุ่มเทกับธุรกิจตัวนี้เป็นอย่างมาก โดยทุกคนจะแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน โดยได้ใช้เงินลงทุนไปกับการเริ่มต้นธุรกิจแรกนี้กว่า 2 ล้านบาท ตั้งเป้าไว้ว่าจะคืนทุนภายในระยะเวลา 2 ปี
โทร. 06-5634-8933
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *