ร้านหนังไก่ทอดกรอบฮีโร่ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านในย่านตลาดนัดกลางคืนที่มีคนพูดถึงกันมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะด้วยคิวที่ต่อกันยาวเพื่อกินหนังไก่ทอดกรอบ วันนี้เรามาฟังคำบอกเล่าของเจ้าของว่า ทำอย่างไร ทำไมคนต้องรอคิวเพื่อกินหนังไก่ทอดกรอบของร้านนี้
นายมานพ มณีลาภ เจ้าของร้านหนังไก่ทอดกรอบฮีโร่ เล่าว่า ร้านหนังไก่ทอดกรอบฮีโร่เกิดขึ้นครั้งแรกที่ตลาดนัดหัวมุม ถนนเกษตรนวมินทร์ ร่วมกับเพื่อน เมื่อสักประมาณ 3 ปีตอนนั้นคิดแค่ว่าจะทำหนังไก่ทอดกรอบขาย ยังไม่มีแบรนด์ แต่การขายตลาดนัดกลางคืนที่มีคนขายอาหารเยอะไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเรามีจุดขาย แม้ว่าเราจะเป็นร้านหนังไก่ทอดเพียงร้านเดียวก็ตาม ก็ต้องไม่ใช่หนังไก่ทอดธรรมดา ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าผมมีวิธีการทอดหนังไก่ที่กรอบ และอร่อย และต้องทอดเสิร์ฟลูกค้าตอนร้อน ปรากฎว่าขายอาทิตย์แรกขายได้เพียง 30 กิโลกรัม (ปริมาณหนังไ่กสด) ซึ่งถ้าเรายังขายแบบนี้รายได้คงไม่พอค่าเช่า และค่าใช้จ่ายแน่
“เหลือบไปเห็นร้านตรงข้ามขายเฟรนฟรายส์ มีผงปรุงรส ผมเดินข้ามถนนไปที่ห้างฝั่งตรงข้าม ไปซื้อผงปรุงรสชาติต่างๆ พร้อมกับนำสมุนไพร ตะไคร้ ใบมะกรูดมาทอด และคลุกในหนังไก่ทอด พร้อมกับเติมผงปรุงรส ผมลองทำกินเองก่อน เห็นว่ามันไปด้วยกันได้ดี วันรุ่งขึ้นผมนำผงปรุงรส ชีส บาร์บีคิว ต้มยำ มาเป็นตัวเลือกลูกค้า และนำสมุนไพรใบมะกรูด ตะไคร้หั่นฝอยมาทอดและคลุกไปกับหนังไก่ทอด และพอเราทอดออกมาร้อน และคลุกกับผงปรุงรส ลูกค้าชอบกันมาก นอกจากนี้ วิธีที่จะทำให้กลิ่นหนังไก่ทอดออกมาชวนให้ลูกค้าต้องเข้ามาชิม โดยนำแผงมาบังเตาขณะทอด พอทอดเสร็จเปิดออก และใช้พัดลมเป่ากลิ่นโชยไป ได้ผล กลิ่นที่หอมชวนให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องมาแวะ" มานพกล่าว
นอกจากนี้ เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือผมมีชีวิตคลุกคลีกับตลาดนัดมานาน ทำให้ผมรู้จังหวะในการทอด คือเราจะทอดใหม่ ลูกค้าก็จะได้กินร้อน จังหวะในการทอดให้ลูกค้าต้องมารอต่อคิว และคิวยิ่งยาวเท่าไหร่ ยิ่งชวนให้คนอยากมากิน หรือถ้าเขารอไม่ไหวในวันนั้น เชื่อว่าวันหน้าเขาก็ต้องมากิน เพราะรู้สึกว่าอย่างไรเขาก็ต้องกิน ดังนั้น เวลาร้านว่างไม่มีคิว ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะรีบเดินเข้ามาซื้อทันที
เทคนิคเหล่านี้ผมได้มาจากการค้าขายอยู่ในตลาดนัดมาก่อน ผมเริ่มค้าขายตั้งแต่อายุ 18 ปีเพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ ครั้งแรกผมขายเคสโทรศัพท์ ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ที่โทรศัพท์ไอโฟนออกใหม่ ทุกคนเห่อ ต้องมีไอโฟน และช่วงนั้นเคสโทรศัพท์ต้องหาซื้อในห้าง ในตลาดนัดยังไม่มีขายเท่าไหร่ ผมจับถูกทาง ไปซื้อเคสไอโฟนมาขายจากในห้างขายเคสละ 1,000 บาท แต่ผมขาย 400 บาท คนก็แห่มาซื้อ ผมขายได้มากขนาดดาวน์รถ ออกมาขับ และผ่อนได้สบายๆ ผมขายเคสโทรศัพท์เพื่อส่งตัวเองเรียนได้จนจบ
ดังนั้น การขายหนังไก่ทอดกรอบของผมก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของผมที่จะต้องทำให้ประสบความสำเร็จให้ได้ จากอาทิตย์แรกขายเพียงวันละ 30-40 กิโลกรัม (หนังไก่สด) พอผมปรับกลยุทธ์การขายใหม่ ยอดขายเพิ่ม 10 เท่าตัว ต้องใช้หนังไก่สดวันละ 300-400 กิโลกรัม แต่การทำร่วมกับเพื่อนมีปัญหาเรื่องเงิน และความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน ผมก็เลยตัดสินใจเดินออกมา และมาเปิดร้านของตัวเองอีกแห่งหนึ่งที่ตลาดนัดเจเจ กรีน สวนจตุจักร เป็นตลาดกลางคืนเช่นกัน
โดยผมใช้ชื่อว่า หนังไก่ทอดกรอบฮีโร่ แต่ของร้านเดิมตลาดหัวมุม เกษตรนวมินทร์จะใช้หนังไก่ทอดกรอบซุปเปอร์ฮีโร่ การเปิดร้านของตัวเองในครั้งนี้ผมได้ปรับหลายอย่าง มาก อันดับแรกคือ เทคนิคการทอด จากเดิมใช้หนังไก่สดหมัก และไปทอด แต่สิ่งที่เราพบคือ หนังไก่ยังมีความมันเพราะรีดน้ำมันออกไม่หมด ต้องใช้วิธีการนำไปเข้าเครื่องสลัดน้ำมันออก แต่ที่ผมปรับใหม่คือ การนำหนังไก่หมักนำไปแช่แข็งก่อนนำมาทอด สามารถรีดน้ำมันออกได้หมด และได้หนังไก่ทอดกรอบที่ไม่มีน้ำมัน ที่สำคัญกรอบอยู่ได้นาน ในอดีตต้องทอดใหม่ให้ลูกค้า เพราะถ้าทอดทิ้งไว้จะเหนียวและไม่กรอบ ในอดีตแก้ด้วยการเติมแป้งทอดกรอบลงไป
ทั้งนี้ จากการที่ค้นพบสูตรการทอดที่ทำให้กรอบนาน โดยนำหนังไก่ไปหมักแช่แข็ง ก็เลยเป็นที่มาของการขายวัตถุดิบ หนังไก่สดหมักแช่แข็งให้ร้านอาหารต่างๆ ที่สนใจ และที่สำคัญ การทำหนังไก่แช่แข็ง ส่วนหนึ่งรองรับแฟรนไชส์ที่เราเปิดไปแล้วกว่า 10 สาขา ตอนนี้ได้ปิดรับแฟรนไชส์ไปแล้ว เพราะต้องการให้ที่เหลืออยู่บริหารให้ดี และเราสามารถเข้าไปดูแลได้ทั่วถึง ที่ผ่านมาแฟรนไชส์ล่าสุดเปิดขายที่ตลาดเท่ง เถิด เทิง เปิดแค่ 2 วัน มียอดขายมากถึงหลักแสนบาท คืนทุนภายในระยะเวลา 2 วัน
สำหรับเป้าหมายที่เราต้องการทำตอนนี้ คือ ขายหนังไก่แช่แข็งให้กับร้านอาหาร เพื่อจะได้ลดความเสี่ยง แต่เมื่อรับหนังไก่ของเราไปทอดขายจะมีรายได้เพิ่มจากอาหารที่ขายอยู่ หรือถ้าขายดีก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าขายไม่ดีก็แค่เป็นรายได้เสริม แต่ถ้าซื้อแฟรนไชส์ก็ต้องขายหนังไก่ทอดอย่างเดียว ดีหรือไม่เราก็ยังไม่รู้ ถ้าดีก็ดีเลย ถ้าไม่ดีก็คือเจ๊ง เราไม่อยากเห็นคนที่มาลงทุนกับเราแล้วเจ๊ง
“นายมานพ” เล่าว่า สำหรับร้านหนังไก่ทอดกรอบฮีโร่ของเขาเองปัจจุบันเปิดที่เดียว ที่ตลาดเจเจ กรีน เปิดขายวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ โดยมียอดขายต่อวันประมาณ 20,000 บาท เดือนหนึ่งจะใช้หนังไก่สดเพื่อทอดขายเองประมาณ 5 ตัน (5,000กิโลกรัม) ถ้ารวมแฟรนไชส์ และขายหนังไก่สดแช่แข็งให้ร้านอาหารทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 10-15 ตันต่อเดือน
เมื่อดูจากจำนวนหนังไก่สดที่ใช้คงจะเดาได้ไม่ยากว่า หนุ่มในวัย 25 ปีคนนี้มีรายได้ 6 หลัก หรือ 7 หลักต่อเดือน ความสำเร็จ ของหนุ่มคนนี้คงมาจากความตั้งใจ และความช่างสังเกต บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชอบคิดอะไรใหม่ ที่สำคัญ เมื่อเขาคิดอะไรแล้วจะต้องลงมือทำ และเดิมพันด้วยความสำเร็จเสมอ เพราะเขาเป็นคนชอบพูด เวลาคิดอะไรก็จะบอกเพื่อน และเพื่อนก็จะรอดูว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่
การที่ “มานพ” แยกตัวออกมาเปิดเอง โดยเพื่อนก็ยังคงขายอยู่ แน่นอน ถ้าเหมือนเพื่อน เขาก็คงจะไม่ทำ ในเมื่อแยกตัวออกมาเขาก็จะต้องดีกว่า โดยได้ปรับเรื่องการทอด จนเป็นที่มาของหนังไก่แช่แข็ง และสิ่งที่เขาปรับและโดนใจลูกค้ารุ่นใหม่ที่ชอบเซลฟี คือ การปรับแพกเกจจิ้ง จากร้านเดิมใส่ถุง และที่ปรับเร็วๆ นี้ คือเพิ่มสูตรซอสจากเดิมเป็นผงปรุงรสแบบแห้งมาเป็นแบบน้ำซอสต้มยำแบบน้ำ ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อค้าตลาดนัดจะต้องคิดใหม่ตลอด เพราะการแข่งขันสูง มีของใหม่เข้ามาตลอด ถ้าเราหยุด ก็จะโดนแย่งตลาดไปได้
โทร. 09-1113-6580
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
