การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ ผลกำไรและการคืนทุนเร็วถือเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ปรารถนา เพราะนั่นหมายถึงเงินที่ลงทุนไม่สูญเปล่า แนวคิดนี้ถูกนำมาเป็นจุดยืนของแฟรนไชส์ “ปลาทู 168” ขายเพียงตัวละ 20 บาท แถมยังเป็นปลาทูสดจากทะเล น้ำหนัก 120 กรัม ปราศจากฟอร์มาลีน ลูกค้าพร้อมใจควักเงินซื้อ แฟรนไชซียิ้มปลื้มคืนทุนเร็ว
จากความสงสัยมาแรมปีว่าทำไมของดีในไทยจึงถูกส่งออกไปต่างประเทศหมด คนไทยน่าจะได้รับประทานอาหารดีๆ บ้าง โดยเฉพาะปลาทูในสหรัฐฯ ที่ราคาค่อนข้างสูงตกตัวละ 260 บาท ทำให้ “นายวิศรุต ปัญญาประดิษฐ์โชค” (คุณฟ่าง) คิดสรรหาปลาทูคุณภาพให้คนไทยได้รับประทานในราคาที่คนไทยทุกคนเอื้อมถึง จึงเริ่มศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจัง
“ผมเริ่มตั้งแต่เข้าไปดูเส้นทางตลาดใหญ่ของปลาทู และกรรมวิธีการนึ่งแล้วนำมาบรรจุเข่งเพื่อจำหน่ายให้ผู้บริโภค ก็พบว่า ยังไม่ถูกหลักอนามัยมากนัก บางแห่งมีการใส่ฟอร์มาลีนให้คงความสดและตัวสวยน่ารับประทาน ซึ่งปลาทูที่มีอยู่ในท้องตลาดจะเป็นปลาทูนึ่ง ขณะที่ปลาทูสดไม่ค่อยมีและราคาสูง ทำให้ได้รับความนิยมน้อย ทั้งที่รสชาติและเนื้อสัมผัสอร่อยกว่าปลาทูนึ่งมาก”
ดังนั้นเขาจึงขอเป็นส่วนเล็กๆ ให้ปลาทูสดกลายเป็นสินค้าประจำครอบครัวอีกครั้งในราคาขายเพียงตัวละ 20 บาทเท่านั้น กับความสดใหม่ สะอาด ไร้สารตกค้าง และยังรับประทานได้สะดวกเพียงแค่มีเตาไมโครเวฟก็ได้รับประทานปลาทูสดเนื้อแน่นแล้ว
“ต้องยอมรับว่าปัจจุบันปลาทูยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ แต่กลับส่งออกไปต่างประเทศ ทำให้ราคาปลาทูในไทยสูงขึ้น ส่วนปลาทูแม่กลองก็เหลือเพียงแค่ 5% ขณะที่โรงงานนึ่งปลาทูส่วนใหญ่ยังไม่มีมาตรฐาน ดังนั้นเราจึงอยากทำ 'ปลาทูที่ถูกและดีกว่า' ให้คนไทยได้รับประทาน จึงลงพื้นที่หาแห่งปลาทูสดที่สามารถป้อนวัตถุดิบในจำนวนมากได้ สุดท้ายเลือกปลาทูจากประเทศอินเดีย เพราะมีรสชาติดี อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นปลาธรรมชาติในทะเลน้ำลึกที่ปลอดสารตกค้าง มีมาตรฐานในการจัดเก็บสินค้าที่ดี คงความสดใหม่ตั้งแต่นำขึ้นมาจากทะเลและแช่แข็งทันที ทำให้เกิดแบรนด์ 'ปลาทู 168' เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา”
ความโดดเด่นของปลาทู 168 อยู่ที่ขนาดตัว คุณฟ่างระบุสเปคไว้ว่าปลาทูสดที่จะจัดส่งให้ต้องมีความยาวจากปากถึงโคนหางขั้นต่ำ 18 เซนติเมตร น้ำหนักต่อตัว 120 กรัม หรือขนาด 8-10 ตัว/กก. จับแช่แข็งบรรจุลังละ 500 ตัว จำนวน 2,500 กล่อง ใส่ตู้คอนเทนเนอร์มายังประเทศไทย ผ่านการตรวจสอบจากห้องแล็บ Central laboratory (Thailand) เพื่อเช็คว่าไม่มีสารอันตรายตกค้าง จากนั้นบรรจุลงถุงสุญญากาศที่นำเข้าเตาไมโครเวฟได้ เพื่อจำหน่ายปลีกในราคาตัวละ 20 บาท
การที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วตามปณิธานที่เขาตั้งใจว่าอยากให้คนไทยได้รับประทานปลาทูสดคุณภาพดีในราคาหลักสิบได้นั้น การบริหารจัดการธุรกิจเพื่อกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้มากที่สุด จึงจำเป็นต้องอาศัยการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าประจำจังหวัด (DC) โดยให้ผู้สนใจร่วมเป็นตัวแทนจำหน่าย ลงทุน 88,000 บาท ได้รับตู้แช่เพื่อจำหน่ายสินค้า 1 ตู้ ในราคา 49,000 บาท และสต็อกปลาทูสดในรูปแบบแช่แข็ง จำนวน 3,000 ตัว ราคา 39,000 บาท (ได้สิทธิ์ซื้อปลาในราคาตัวละ 13 บาท) เพื่อจัดเก็บสินค้าไปขายต่อแฟรนไชส์รายย่อย ลงทุน 49,000 บาท ได้ตู้แช่จำหน่ายสินค้า 1 ตู้ และปลาทูสดพร้อมจำหน่าย 300 ตัว กำหนดสั่งปลาขั้นต่ำ 1 ลัง บรรจุ 100 ตัว (ได้สิทธิ์ซื้อปลาในราคาตัวละ 15 บาท) เมื่อสินค้าหมดโทร.สั่งที่บริษัทส่วนกลาง จากนั้นจะประสานศูนย์กระจายซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดส่งสินค้าให้ทันที
“เรื่องความสดใหม่ผู้บริโภคมั่นใจได้ เพราะเพียงลองนำมาไว้ในอุณหภูมิห้องสักพักเลือดปลาทูจะซึมออกมา แสดงว่าปลายังสดใหม่ และเมื่อจะรับประทานก็เพียงทำออกมาจากถุงสุญญากาศ ควักไส้โดยการเปิดเหงือกไม่ต้องผ่าท้อง จากนั้นก็นำไปประกอบอาหารตามเมนูที่ชื่นชอบ เช่น ปลาทูซาเตี๊ยะ, ฉู่ฉี่ปลาทู, ต้มยำปลาทู หรือเมนูยอดฮิตอย่างปลาทูทอด รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ ซึ่งการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคจากการซื้อในหนึ่งครั้ง จะซื้อปลาทูอย่างน้อย 5 ตัว เพราะเป็นปลาทูแช่แข็งเก็บได้นาน จะรับประทานเมื่อใดก็ได้ ซึ่งจากพฤติกรรมนี้เองทำให้ DC และแฟรนไชส์คืนทุนเร็วภายใน 3-4 เดือนเท่านั้น”
ปัจจุบันปลาทู 168 มีศูนย์กระจายสินค้าเกือบครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยทางบริษัทฯ จะจัดส่งปลาทูให้ถึงหน้าบ้านโดยรถห้องเย็น ซึ่งโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือจะขายดีที่สุด เนื่องจากราคาไม่แพง ขณะที่แฟรนไชส์ในแต่ละจังหวัดก็สามารถนำตู้แช่ขนาดเล็กไปวางตามร้านขายของชำ หรือตามตลาดนัด ก็ดำเนินธุรกิจได้แล้ว ซึ่งปลาทูตัวละ 20 บาท เป็นราคาที่ผู้บริโภคยินดีจ่าย หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องการมีรายได้เพิ่ม ก็สามารถนำไปรังสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ก็ไม่ว่ากัน
ส่วนการทำตลาดในกรุงเทพฯ ถือว่ายังไม่กว้างมากนัก เพราะทาง “ปลาทู 168” ตั้งใจจะทำตลาดแบบป่าล้อมเมือง โดยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตัวแทนจำหน่ายในแต่ละเขตของ กทม. ส่วนเขตลาดพร้าวซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฯ จะกระจายสินค้าเอง พร้อมเตรียมนำอาหารทะเลชนิดอื่นมาเพิ่มเติม เช่น ปลาหมึก กุ้ง แบบแช่แข็ง แต่ยังคงราคาไว้ที่หลักสิบ รวมถึงสร้างโรงงานสำหรับบรรจุปลาทูลงถุงสุญญากาศ ที่ขณะนี้ยังเป็นการจ้างโรงงานที่ได้มาตรฐานบรรจุให้'แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ต้องการให้คนไทยได้รับโปรตีนจากอาหารทะเลราคาถูก แต่เชื่อว่าต่อไปจะกลายการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นจากวัตถุดิบคุณภาพในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง' เจ้าของธุรกิจปลาทู 168 กล่าวทิ้งท้าย
***สนใจติดต่อ 0-2938-8813 หรือที่ Facebook : Platwo168***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *