ธพว.บุกภูเก็ต เสริมแกร่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวก้าวสู่ยุค 4.0 ปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดธุรกิจบริการ สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว เพิ่มเม็ดเงินเศรษฐกิจภูมิภาค
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. (SME Development Bank) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการจัดงานเติมเงินเติมทุน SMEs สู่มาตรฐานเทคโนโลยี 4.0” ว่า การให้ความช่วยเหลือในเรื่องเงินทุนแก่ผู้ประกอบการในส่วนของภูมิภาคถือเป็นภารกิจหลักที่ทางธนาคารจะต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดยจะเติมเต็มในเรื่องของกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐโดยคิดดอกเบี้ย 1% เพื่อนำมาสู่การพัฒนาภาคเศรษฐกิจและธุรกิจตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดนั้นๆ
ล่าสุดลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งถือเป็นจังหวัดที่สองหลังจากการจัดงานในครั้งแรกที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการภูมิภาค สร้างโอกาสทางการตลาด ปรับตัวทางธุรกิจสู่ยุคดิจิตอล 4.0 ด้วยเทคโนโลยี ERP On Clound พร้อมโปรแกรมบัญชีฟรีบนสมาร์ทโฟนช่วยบริหารบัญชีได้จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ธพว., สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), บริษัทอินเตอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET และ บริษัท อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ IEC ช่วยผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมาตรฐานบัญชีใหม่สนับสนุนยื่นกู้จากสถาบันการเงินตามเกณฑ์รายได้ เริ่มใช้วันที่ 1 ต.ค. 2561
ทั้งนี้ SME Development Bank ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Central Lab Thai (แล็บประชารัฐ) และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) จัดกิจกรรมเสริมศักยภาพครบวงจร เช่น อบรมความรู้หัวข้อหลักประชารัฐ สร้างมาตรฐานสินค้าเอสเอ็มอีไทย และเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจด้วยการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ยุคดิจิตอล
โดยภายในงาน ธนาคารฯ มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไว้บริการ ได้แก่ 1. สินเชื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชนและธุรกิจแฟรนไชส์ วงเงิน 7,500 ล้านบาท บุคคลธรรมดากู้ได้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท นิติบุคคลกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืมนาน 7 ปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR -1.5 ต่อปี ปีที่ 2 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR -1.0 ต่อปี (กรณีใช้หลักประกันตามเกณฑ์ของธนาคาร) สำหรับค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของ บสย.ฟรีถึง 4 ปี
2. สินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยและภัยพิบัติ ปี 2560 วงเงิน 5,000 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุดต่อรายที่ 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้ยืมตลอดโครงการไม่เกิน 7 ปี ปีที่ 1-3 คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 3% และปีที่ 4-7 เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อรายสามารถใช้ บสย.ค้ำประกันได้ เพื่อเป็นทุนฟื้นฟูกิจการแก่เอสเอ็มอี จ.ภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
3. กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 3 ปีแรกและไม่ต้องมีหลักประกัน เพื่อส่งเสริมธุรกิจในกลุ่มยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัด 4. สินเชื่อ SMEs Transformation Loan วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยาย ปรับปรุงกิจการ ระยะเวลากู้ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 คงที่ 3% ปีที่ 4-7 คิดดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท กรณีกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาทสามารถใช้ บสย.ค้ำประกันได้ กรณีวงเงินกู้เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้หลักประกันตามเกณฑ์ปกติของธนาคารเฉพาะประเภทที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และ 5. สินเชื่อ SMEs Factoring “ทั่วไทยเบิกจ่ายได้ภายในวันเดียว” ช่วยเครดิตการค้าไม่สะดุด ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ยกเว้นค่าธรรมเนียม
“ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดภูเก็ตส่วนใหญ่มีการยื่นขอสินเชื่อในวงเงินประมาณ 4 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นนิติบุคคลยื่นขอกองทุนสินเชื่อตามแนวประชารัฐเพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจและเสริมศักยภาพให้พร้อมแข่งขัน โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กับธุรกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือและเรือนำเที่ยว “ภูเก็ตพัชรีทัวร์” ได้มีการนำริสต์แบนด์ให้แก่นักท่องเที่ยวเพื่อป้องกันอันตราย การสูญหาย ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยและมียอดการใช้บริการเพิ่มขึ้น” นายมงคลกล่าว
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ มีศักยภาพสูงจากการท่องเที่ยวจนได้ชื่อเป็น “ไข่มุกแห่งอันดามัน” ขณะเดียวกันยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมโดดเด่นเป็นของตนเอง ดึงดูดชาวต่างชาติทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยว การจัดงานครั้งนี้จึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการภูมิภาค ช่วยยกระดับมาตรฐานแรงงานและพัฒนาเทคโนโลยีสู่ระดับสากล ช่วยสร้างโอกาส และกระจายรายได้ลดความเหลื่อมล้ำสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจภายในเข้มแข็ง (Local Economy) ในยุคที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ เน้นภาคบริการที่จะทำให้มูลค่าสินค้าสูงขึ้นตามนโยบาย Thailand 4.0
“โครงการนี้นับได้ว่าตอบสนองแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทย โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “รัฐบาลมีแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 โดยมุ่งเน้นการใช้แนวทางพลังประชารัฐ คือ การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ชุมชน จังหวัด สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยต่างๆ” ซึ่งงานวันนี้ทำให้ประจักษ์แล้วว่า เราได้ร่วมกันทุกภาคส่วนขับเคลื่อนประเทศร่วมกันไปสู่ Thailand 4.0” นายนรภัทรกล่าว
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *