การทำให้คนรุ่นใหม่ หันมาทำการเกษตร เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เพราะหลังจากมีโครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer มีคนรุ่นใหม่หันมาทำการเกษตร และเป็น Young Smart Farmer จำนวนมาก รวมถึง หนุ่มคนนี้ “นายฉัตรชัย ล้อมสุขวัฒนา” เจ้าของฟาร์มเมล่อนปลอดสารพิษ “สวนล้อมสุข”
นายฉัตรชัย เล่าว่า ตนเองได้เข้าร่วมโครงการ Young Smart Farmer ของจังหวัดฉะเชิงเทราในปี 2560 จุดเริ่มต้นการทำเกษตรของผม มาจาก ที่ผมลาออกจากงานประจำ เพื่อมาดูแลกิจการร้านวัสดุก่อสร้างของครอบครัว และได้นำการวางระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการบริหารร้าน ทำให้การทำร้านวัสดุก่อสร้างของผมง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลเอง ผมจะมีเวลาว่างมากขึ้น เป็นที่มาของความคิดที่จะทำการเกษตร ซึ่งผมได้ไปศึกษาการทำเกษตรจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เรียนรู้เรื่องการทำเกษตรสมัยใหม่แบบปลอดสารพิษ
“สวนเกษตรของผมจะเป็นลักษณะของฟาร์มที่ดูแลควบคุมการบริหารจัดการภายในโรงเรือนกรีนเฮ้าส์ ชื่อว่า สวนล้อมสุข ตั้งอยู่ที่ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยพืชที่ปลูกจประกอบไปด้วยเมล่อน และพืชทางเลือก ฟักทองบัตเตอร์นัท” เป็นต้น
สำหรับบัตเตอร์นัท สควอช (Butternut Squash) หรือ ฟักทองบัตเตอร์นัท ฟักทองชนิดหนึ่ง รสชาติคล้ายมันเทศ เนื้อเหนียวและแน่นหนึบ กว่าฟักทองทั่วๆ ไป รสชาติหวานคล้ายกับมันหวาน รูปร่างคล้ายน้ำเต้า ผิวสีเหลืองเข้ม เมื่อแก่จัด เนื้อสีเหลืองส้ม เนื้อแน่น บัตเตอร์นัท สควอช มีหลายสายพันธุ์ เราเลือกปลูกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด เมล็ดแท้ Hybrid F1
"ผมตัดสินใจปลูกฟักทองบัตเตอร์นัท มาจากปัญหาเมล่อนที่มีการปลูกกันมาก บางช่วงเวลาที่ผลผลิตออกมาเยอะ ราคาก็จะตก ทางผู้จัดจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ที่ผมได้ซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อน ประเทศญี่ปุ่น ได้แนะนำให้เราทดลองปลูก ฟักทองบัตเตอร์นัท เห็นว่า น่าจะเป็นพืชทางเลือกใหม่ให้กับเราและเกษตรกรไทยได้ในอนาคต จึงตัดสินใจปลูกบัตเตอร์นัท ครั้งแรก ซื้อเมล็ดพันธุ์มาจำนวน 60 เมล็ด พบว่า ฟักทองบัตเตอร์นัท เป็นพืชที่ปลูกไม่ยาก ง่ายกว่าการปลูกเมล่อน ที่สำคัญปลูกได้ทุกฤดู แม้ในช่วงฤดูฝนที่เมล่อนไม่ออกผล เราก็ยังมีฟักทองบัตเตอร์นัท ที่สามารถเก็บผลผลิตได้"
ส่วนระยะเวลาปลูกใกล้เคียงกับเมล่อนประมาณ 70 วัน ตั้งแต่ลงแปลงปลูก ไม่รวมเพาะเมล็ด อีก 10 วัน โดยราคาเมล็ดพันธุ์ เมล็ดละ 6 บาท บัตเตอร์นัท 1 ต้นจะให้ผลจำนวน3-4 ผล เมื่อเก็บผลที่ 1 และ 2 เว้นไปอีก 7-10 วัน เก็บผลที่ 3 และ 4 ส่วนราคาขายผลฟักทองบัตเตอร์นัทอยู่ที่ กิโลกรัมละ 60 บาท ปัจจุบันการปลูกบัตเตอร์นัท ยังมีไม่มาก ทั้งที่ตลาดยังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะตลาดโรงแรม ที่ผ่านมา การปลูกฟักทองบัตเตอร์นัทอยู่ในโครงการหลวง ซึ่งโรงแรมจะรับผลผลิตจากโครงการหลวง แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝน ผลผลิตโครงการหลวงไม่มี เพราะปลูกกลางแจ้ง โรงแรมจึงสั่งซื้อจากของเราแทน
คุณฉัตรชัย เล่าว่า ตนเองมีแผนที่จะปูตลาดฟักทองบัตเตอร์นัทในประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักในวงการ โดยที่ผ่านมา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด นำ ฟักทองบัตเตอร์นัท ไปร่วมออกงานทุกครั้งเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้น และมีแผนนำฟักทองบัตเตอร์นัท เข้าไปขายในตลาดไท ซึ่งตลาดไท ยังไม่มีฟักทองชนิดนี้จำหน่าย ดังนั้น เรายังต้องการผลผลิตจำนวนมาก ซึ่งแค่ที่ฟาร์มของเราอย่างเดียว ซึ่งมีปลูกอยู่แค่ 400 ต้น ไม่เพียงพอ จึงเปิดรับสมัครเครือข่ายสมาชิก โดยเราจะทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกเครือข่ายมาทำตลาดต่อให้ ตอนนี้ มีสมาชิกที่ปลูกเมล่อน และบัตเตอร์นัท จำนวน 40 ราย
สวนล้อมสุข แห่งนี้ เปิดมาได้ 2 ปีปัจจุบันมีโรงเรือนจำนวน 3 โรงเรือน โดยปลูกเมล่อน 2 โรงเรือน และอีก 1 โรงเรือนปลูกฟักทองบัตเตอร์นัท และมีมะเขือราชินี และกำลังก่อสร้างโรงเรือนเพิ่ม เพื่อเตรียมปลูกฟักทองบัตเตอร์นัด ซึ่งการลงทุนแต่ละโรงเรือนประมาณ 70,000 บาท เป็นโรงเรือนขนาด 7x16 เมตร โอกาสคืนทุนประมาณ 2 รอบครึ่งของการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งใกล้เคียงกันทั้ง เมล่อน และฟักทองบัตเตอร์นัท
สนใจโทร.08-8798-2419
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *