จากพนักงานประจำที่ชอบเลี้ยงสุนัข ดึงความชอบมาประยุกต์เป็นธุรกิจเสื้อผ้าน้องหมา มีสายลากจูงในตัว เน้นงานดีไซน์ คุณภาพเนื้อผ้า และเครื่องประดับ หลังเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ผู้คนเลี้ยงสุนัขเพิ่มมากขึ้น เจาะลูกค้าไฮเอนด์ แถมยังเปิดตลาดส่งออกไปแล้วกว่า 6 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ “Glitter Pooch”
ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้วการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในเมืองไทย โดยเฉพาะการเลี้ยงสุนัขถือว่าเติบโตขึ้น มีผู้คนเลือกมาเป็นเพื่อนคลายเหงาจำนวนไม่น้อย และให้การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ บางคนรักเหมือนคนในครอบครัว ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตามไปด้วย “คุณนุช หรือ ณิชาภา อิโตะ” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Glitter Pooch” (กลิตเตอร์พุช) ก็เป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงน้องหมาเช่นกัน มักใช้เวลาว่างจากงานประจำที่เกี่ยวข้องการตลาดมาตัดเย็บเสื้อผ้าให้น้องหมา โดยเธอเลือกเนื้อผ้า ออกแบบ และเครื่องประดับต่างๆ เองทั้งหมด
ต่อมา 4-5 ปีให้หลังเธอพบว่าตลาดน้องหมาโตขึ้นเป็นเท่าตัว ผู้คนหันมาเลี้ยงน้องหมาไซส์เล็กจนกลายเป็นแฟชั่น เพราะสามารถพกพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ ทำให้เสื้อผ้าน้องหมากลายเป็นสิ่งที่เจ้าของให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งคุณนุชก็สนใจในตลาดนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็พบว่า ณ ขณะนั้นมีเสื้อผ้าน้องหมาหลายสิบแบรนด์ที่แข่งขันกันอยู่ ฉะนั้นการเป็นน้องใหม่ในวงการหากไม่สร้างความต่างคงจะอยู่ยาก
ทว่าเธอเป็นคนช่างสังเกต และพยายามหาจุดด้อยในธุรกิจเสื้อผ้าสุนัขที่มีในตลาดมาแก้ไข ก็พบว่า การพาสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้าน นอกจากเจ้าของจะนิยมแต่งตัวให้น้องหมาแล้ว ยังต้องใส่สายลากจูง มีเครื่องประดับต่างๆ ทำให้ยุ่งยาก และใช้เวลา ซึ่งรวมถึงตัวเธอเองด้วย ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ออกแบบเสื้อผ้าน้องหมาพร้อมสายจูง และมีการประดับตกแต่งสร้อย เครื่องประดับที่ชุดให้เรียบร้อย เรียกว่าเป็นเสื้อผ้าน้องหมาที่ 'ครบจบในชุดเดียว'
“จากความยุ่งยากที่เราเลี้ยงน้องหมาเอง เมื่อจะพาออกไปเดินเล่นก็ต้องเสียเวลาในการแต่งตัว เพราะเราก็ชอบให้น้องหมาแต่งตัวน่ารักตามแบบที่เราชอบ แต่ด้วยเครื่องประดับ และเสื้อผ้าที่ต้องจัดเต็มทำให้เสียเวลาไปมาก ดังนั้นเมื่อคิดจะทำธุรกิจจึงนำโจทย์ตรงนี้มาเป็นจุดเริ่มต้น คือ การออกแบบชุดน้องหมาที่ลดความยุ่งยากให้เจ้าของให้มากที่สุด จึงทำสายจูงเย็บติดกับเสื้อผ้า พร้อมนำเครื่องประดับมาตกแต่งลงบนเสื้อผ้าในคราวเดียว ซึ่งเราถือเป็นเจ้าแรกที่ทำเสื้อผ้าพร้อมสายจูงลักษณะนี้ออกมา”
เมื่อเธอสามารถปิดจุดอ่อนในเรื่องเสื้อผ้าของน้องหมาออกได้เป็นผลสำเร็จ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ชื่นชอบ และตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ตรงจุด ซึ่งนอกจากความแตกต่างในเรื่องของสายจูงแล้ว เนื้อผ้าที่น้องหมาสวมใส่ก็เรียกว่าถูกคิดอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน เริ่มจากการเลือกเนื้อผ้ามาตัดเย็บ จะเน้นที่การสวมใส่สบาย มีความแข็งแรงคงทน โดยนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่วัตถุดิบที่เป็นหนัง สั่งซื้อโดยตรงจากประเทศอังกฤษ และอิตาลี โดยทุกชุดด้านในจะถูกบุด้วยฟองน้ำเพิ่มความนิ่ม ลดการเสียดสี ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย เป็นงานแฮนด์เมดเกือบ 100% จากโรงงานผลิตมาตรฐานส่งออก ส่วนสายจูงเป็นสลิงเหล็ก สามารถรับแรงกระชากได้ถึง 20 กิโลกรัม และยังสวมใส่ได้ทั้งน้องหมา น้องแมว
ปัจจุบันสินค้าแบรนด์ Glitter Pooch มีจำหน่ายตามร้านเพ็ทชอป, ร้านเพ็ท ซาฟารี ที่พาราไดซ์ พาร์ค และห้างสยามพารากอน โดยเร็วๆ นี้เตรียมเปิดชอปที่ห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 3 ภายในร้านจะมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับน้องหมา น้องแมวครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ที่นอน เครื่องประดับ อาหาร และสายจูง เป็นต้น รวมถึงขายในช่องทางออนไลน์ที่ https://glitterpooch.com และ Facebook : GLITTERPOOCH ขณะที่ตลาดต่างประเทศได้ส่งออกไปแล้ว 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งเธอตั้งใจเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้การช่วยเหลือโดยการพาไปเปิดตลาด และเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าใหม่
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *