ธุรกิจบริการทัวร์ท่องเที่ยวแนวผจญภัยธรรมชาติ จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะไฮไลท์กิจกรรม “ล่องแก่ง” ลำน้ำแม่แตงนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ถือเป็นหัวหอก บุกเบิกให้เกิดกระแสนิยม จนฮิตติดลมบนมากว่า 20 ปี ต้องยกให้ “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” (CHIANGMAI ADVENTURE) ที่เข้ามาสร้างสรรค์โปรแกรมสนุกแปลกใหม่ และที่สำคัญ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสู่ขั้นสากล ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่เติบโตมาจนถึงปัจจุบัน
ดนัย วงศ์ทองบาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่แอดแวนเจอร์ จำกัด หลงรักการท่องเที่ยวแนวผจญภัยธรรมชาติมาตั้งแต่วัยเรียน จากนั้นในปี พ.ศ.2532 เข้าทำงานประจำให้บริษัททัวร์สัญชาติฝรั่งเศสที่มาประกอบธุรกิจท่องเที่ยวแนวผจญภัยธรรมชาติในเมืองไทย
หลังสะสมประสบการณ์ทำงานให้บริษัททัวร์ต่างชาติกว่า 5 ปี และมองเห็นช่องว่างของตลาดที่ในเวลานั้นยังไม่มีผู้ให้บริการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแอดแวนเจอร์มาตรฐานสากลใน จ.เชียงใหม่ แม้แต่รายเดียว ทั้งๆ ที่ดินแดนแห่งนี้ มีศักยภาพความพร้อมเรื่องทรัพยากรธรรมชาติสูงมาก กลายเป็นจุดสตาร์ทไอเดีย บุกเบิกธุรกิจท่องเที่ยวผจญภัยธรรมชาติในชื่อ “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” เมื่อปี พ.ศ.2537
“ตอนนั้น ทัวร์เที่ยว จ.เชียงใหม่ จะมีแค่กิจกรรมเดินป่ากับขี่ช้าง ส่วนแนวผจญภัยที่ได้มาตรฐานยังไม่มีใครทำ ผมเลยเกิดแนวคิดจะจัดโปรแกรมท่องเที่ยวแอดแวนเจอร์ฝีมือคนไทย โดยนำโมเดลด้านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลมาใช้ ซึ่งผมกล้าพูดว่า เราคือทัวร์ล่องแก่งบนคุณภาพสากลรายแรกของ จ.เชียงใหม่” ดนัย เกริ่นนำ
เงินหลักแสนบาท ถูกนำมาใช้เป็นทุนตั้งต้นธุรกิจ ด้วยการซื้อ “เรือยาง” เพื่อให้บริการทัวร์ “ล่องแก่ง” ส่วนการคิดค้นโปรแกรมท่องเที่ยวต่างๆ ของ “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” เขาระบุว่า อาศัยวิธีทดลองไปใช้บริการทัวร์ของผู้ประกอบการรายต่างๆ เพื่อเรียนรู้ถึงข้อดีข้อเสียรอบด้าน แล้วนำมาปรับให้เหมาะสมเป็นโปรแกรมของตัวเอง และก่อนจะเปิดให้บริการจริง แก่ลูกค้าทั่วไป จะทดลองใช้บริการเองทุกครั้ง ซึ่งกว่าจะได้โปรแกรมลงตัวใช้เวลาพัฒนาอยู่ถึง 3 ปี
ทั้งนี้ จุดเด่นของโปรแกรมที่สร้างสรรค์ขึ้น คือ ผสมผสานระหว่างกิจกรรมท่องเที่ยวแบบสากล เช่น ล่องแก่ง ขี่จักรยานเสือภูเขา ขับรถ ATV เป็นต้น เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นล้านนาอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการขี่ช้าง สอนทำนา พาไหว้พระ เที่ยววัด ชมหมู่บ้านชาวไทยภูเขา เป็นต้น ยึดหลักต้องไม่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมถึง ดึงคนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เกิดการกระจายรายได้สร้างงาน สร้างอาชีพแก่ชุมชน เช่น ว่าจ้างชาวบ้านประกอบอาหารพื้นบ้านให้แก่นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง เป็นต้น เหล่านี้ กลายเป็นเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวแนวแอดแวนเจอร์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้น “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” ยังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย นำเกณฑ์ระดับสากลมาใช้ เช่น ลูกค้าที่จะร่วมกิจกรรมล่องแก่งทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัย และเสื้อชูชีพ อีกทั้ง มีทีมเรือนำขบวนเพื่อสำรวจเส้นทางล่วงหน้า และมีทีมเรือตามหลัง เพื่อช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ทีมงานทุกคนผ่านการอบรมอย่างมืออาชีพ เรือและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ มีการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนใหม่ตามอายุการใช้งานเสมอ เป็นต้น จากกระบวนการดังกล่าว นับตั้งแต่เริ่มธุรกิจจนถึงปัจจุบัน 20 กว่าปี ไม่เคยเกิดกรณีผู้ใช้บริการของ “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” ได้รับอุบัติเหตุขั้นรุนแรงหรือเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
ด้วยโปรแกรมเที่ยวสนุก แปลกใหม่ และหลากหลาย ควบคู่กับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด เมื่อลูกค้าชาวต่างชาติมาใช้บริการ แล้วได้รับความประทับใจ ช่วยบอกปากต่อปาก รวมถึง ไปรีวิวผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ นอกจากนั้น ยังได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ เช่น รางวัลกินรี ด้าน "Outstanding Performance for inbound tour program" จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ.2547 และรางวัล Rafting Standard [Excellent] จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี พ.ศ.2550 เป็นต้น ส่งให้ธุรกิจท่องเที่ยวผจญภัยโดยฝีมือเอสเอ็มอีไทยรายนี้ได้รับนิยมมากขึ้นตามลำดับ
ปัจจุบัน “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” มีโปรแกรมท่องเที่ยวให้เลือกประมาณ 12-14 แพคเกจ ทั้งในรูปแบบตื่นเต้นเร้าใจ และสบายๆ สไตล์เหมาะกับกลุ่มครอบครัว เช่น กิจกรรมล่องแก่ง กิจกรรมพายเรือคายัค ขับรถ ATV เที่ยวปางช้าง และกิจกรรม Zip wire เป็นต้น คิดค่าบริการ 1,000 - 2,000 บาทต่อคน (แล้วแต่โปรแกรม) โดยใช้เวลาทำกิจกรรมครบถ้วนใน 1 วัน ลูกค้าหลักกว่า 90% คือชาวต่างชาติ เช่น ออสเตรเลีย ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น ส่วนอีก 10% คือ คนไทย โดยเฉลี่ยจะมีแขกใช้บริการประมาณ 6,000 คนต่อปี
ดนัย เล่าเสริมด้วยว่า จากความสำเร็จของ “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” ปลุกกระแสให้มีลูกค้าไทยและเทศ เข้าใช้บริการเที่ยวแนวผจญภัยธรรมชาติในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มากขึ้นทุกปี กลายเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาลงทุนทำธุรกิจใกล้เคียงกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับถึงปัจจุบัน รวมกัน 10 กว่าราย รวมถึง เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย ไม่ว่าจะโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร สินค้าที่ระลึกจากชุมชน ฯลฯ
สำหรับแผนธุรกิจต่อไปนั้น เขาระบุว่า ประการแรก จะมุ่งมั่นรักษามาตรฐานงานบริการให้ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอ โดยส่วนหนึ่งใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) มาปรับปรุงและซื้ออุปกรณ์ใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะเรือยางล่องแก่ง เพื่อจะบริการลูกค้าได้ดีที่สุด และยังเป็นตัวอย่างแสดงให้ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้รายอื่นๆ เห็นว่า หากสร้างบริการดี มีมาตรฐาน จะสามารถขายแพคเกจท่องเที่ยวได้ในราคาสูงขึ้น และเมื่อผู้ประกอบการทุกราย เดินในแนวทางเดียวกันนี้ ย่อมจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ
อีกประการ จะเน้นทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ผ่านเว็บไซต์ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีถึง 3 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน และอังกฤษ รวมถึง ใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นสื่อกลางแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป จากอดีตจะจองแพคเกจผ่านบริษัทตัวแทน หันมาสู่การหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และตัดสินใจจองซื้อแพคเกจท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
ระยะเวลา 20 กว่าปี ที่อยู่ในวงการธุรกิจท่องเที่ยว “เชียงใหม่ แอดแวนเจอร์” ยึดมั่นสร้างคุณภาพและมาตรฐานเป็นหัวใจหลัก พร้อมปรับตัวทำตลาดเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
***สนใจติดต่อ โทร.053 304 556 , www.cmadventure.com หรือ FB: Chiangmaiadventure***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
