ชาบูอู๊ดเป็นต่อ ชื่อนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกครั้ง หลังจาก คุณอู๊ด “ธีระชาติ ธีระวิทยากุล” เกือบจะต้องเลิกกิจการไป หลังจากโดนคนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนหักหลัง แต่ด้วยความที่ไม่ยอมแพ้ ยอมเดินหน้าต่อ แบบซุ่มเงียบ เพียง 1 ปี 1 เดือน วันนี้ สามารถบุกเบิกร้านชาบูอู๊ดเป็นต่อ ได้ถึง 15 สาขา และกำลังเตรียมเปิดอีก 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
คุณอู๊ด นักแสดงตลก สร้างชื่อจากซิทคอม เรื่องเป็นต่อ ปัจจุบันมีผลงานทั้งด้านการแสดงซิทคอม และพิธีกรรายการโทรทัศน์ และด้วยความไม่แน่นอนในวงการบันเทิง ทำให้ “อู๊ด” ต้องผันตัวเอง หาอาชีพที่น่าจะเป็นหลักให้กับครอบครัวได้ในอนาคต พร้อมไปกับการทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งนั่น คือ การเปิด ร้านชาบู
คุณอู๊ด เล่าว่า ผมเลือกเปิดร้านชาบู มาจากครอบครัวของเราชอบทำอาหาร และมั่นใจว่า ถ้าเราขายอาหารขายน่าจะขายได้ และอาหารเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนต้องกิน และที่เลือกขายชาบู เพราะเป็นเมนูที่คนไทยคุ้นและคนส่วนใหญ่ชื่นชอบ ก่อนที่จะเริ่มทำขาย ผมและภรรยาก็ลองทำกินเองก่อน และให้คนที่รู้จักได้ลองกิน จนเป็นที่พอใจ และด้วยความที่เราเป็นคนไทย ก็เลยอยากทำชาบูในแบบไทย ไทย ก็เลยได้น้ำจิ้มแบบไทย อย่างน้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มในแบบชาบู ก็มีเช่นกัน แต่เติมรสชาติให้เป็นแบบไทย ซึ่งน้ำจิ้ม 4 แบบ คือ น้ำจิ้มสุกี้, น้ำจิ้มซีฟู้ด , น้ำจิ้มพอนสึ และน้ำจิ้มงา
ในส่วนของน้ำซุปที่ถือว่าเป็นจุดขายของร้านชาบูเป็นต่อ ทาง คุณอู๊ด บอกว่า ส่วนของน้ำซุป เราได้ญาติ ซึ่งเป็นอาจารย์ สอนด้านอาหาร มาช่วยปรุงน้ำซุปให้ โดยมีน้ำซุปถึง 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ น้ำซุปชาบูรสดั้งเดิม, ต้มยำน้ำข้น, ต้มยำน้ำใส ,น้ำดำญี่ปุ่น และน้ำซุปน้องใหม่มาแรง น้ำซุบหม่าล่า และจุดขายไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้ม น้ำซุป และหัวใจสำคัญ คือ การเลือกวัตถุดิบ ที่มีคุณภาพสดและใหม่ ทั้งหมดเป็นคำตอบว่าทำไม ชาบูอู๊ดเป็นต่อ จึงได้ซุ่มเงียบขยายสาขา ในปีเดียวถึง 25 สาขา
“การที่มีคนสนใจแฟรนไชส์ของเราจำนวนมาก ผมว่ามาจากหลายองค์ประกอบ นอกจากรสชาติของอาหารที่เขาได้มาชิม สิ่งหนึ่งที่ลูกค้าแฟรนไชส์ บอกกับเรา คือ 90% ที่เขาเลือกแฟรนไชส์ชาบูอู๊ดเป็นต่อ มาจากตัวของคุณอู๊ด เพราะแฟรนไชส์ชาบูมีหลายยี่ห้อ ที่ดังๆ แต่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ การเปิดตัวก็ธรรมดา ไม่มีสื่อมาช่วยโปรโมท ไม่มีอะไรเลย แต่พอเขาได้รู้จักเรา และเห็นผมพยายามช่วยเขาทุกอย่าง โดยเฉพาะในวันเปิดตัว จะเอามินิคอนเสิร์ตไปเล่น เชิญดาราไปโชว์ตัว ส่วนตัวผมเองก็เดินเสิร์ฟ และทักทายลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะผมก็ต้องทำทุกอย่าง เพื่อจะให้เขาอยู่รอด และผมก็มั่นใจว่า ลูกค้าแฟรนไชส์ทุกสาขา ที่ทำตามที่ผมแนะนำทุกอย่าง จะประสบความสำเร็จแน่นอน ดังนั้น ผมอยากให้โอกาสกับคนที่ผิดพลาดมาจากการทำธุรกิจอื่นๆ และเป็นหนี้ เราอยากให้โอกาสเขา เพราะผมเชื่อว่า เราจะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน” อู๊ด เป็นต่อ บอกกับเรา
สำหรับราคาแฟรนไชส์ อยู่ที่ 1 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าแฟรนไชส์จะได้รับอุปกรณ์ในห้องครัว เตา และหม้อ 30 ชุด และอุปกรณ์อื่นๆ ป้ายชื่อร้าน ส่วนที่ลูกค้าจะต้องลงทุนเอง คือ การตกแต่งร้าน โต๊ะเก้าอี้ และวัตถุดิบ ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบ เราจะเป็นผู้จัดซื้อ ลูกค้าจะซื้ออย่างเดียว คือ ผัก ส่วนน้ำซุป น้ำจิ้ม และวัตถุดิบ ส่งอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คุณอู๊ด บอกว่า ที่เราต้องควบคุม และจัดซื้อทุกอย่างให้ เพราะ ต้องการให้ทุกร้านของแฟรนไชส์ ออกมาคุณภาพเดียวกัน ซึ่งเราก็คงต้องรักษาชื่อเสียงของเรา เพราะถ้าเสีย อาจจะทำให้เสียทั้งหมด เพราะใช้ชื่อเดียวกัน
พอถามถึงรายได้ คุณอู๊ด บอกว่า เรื่องของยอดขายขอบอกว่า ทุกสาขาทำได้ดี ในระดับที่พอใจ เพราะอย่างน้อยขั้นต่ำ อยากให้ขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท แต่ก็ต้องยอมรับว่า บางสาขาทำได้ไม่ถึง หรือ บางสาขา ได้มากกว่า 50,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท ต่อวัน ส่วนโอกาสคืนทุน ที่ผ่านมา สาขาที่เปิดมาครบ 1 ปี ก็จะคืนทุนไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ สาขาทั้งหมด 15 สาขา เป็นของเราเอง 4 สาขา ที่เหลือของแฟรนไชส์ และที่รอเตรียมเปิดอีก 10 สาขา มีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในต่างจังหวัดเราจะให้แค่จังหวัดละ 1 ราย และ 2 สาขา เท่านั้น สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ (สาขาที่ยอดขายมากที่สุด) ระยอง นครสวรรค์ อุทัยธานี นครนายก ลพบุรี ฯลฯ
สนใจโทร. 08-5965-4441
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
