ขนาดห้องประมาณ 35 ตารางเมตรในหอพักแห่งหนึ่ง ถูกประยุกต์เป็นฟาร์มเลี้ยงปลาทองขนาดย่อมๆ สำหรับขยายพันธุ์ “ปลาทอง” เพื่อขายทางออนไลน์ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่นักศึกษาหนุ่มในระดับสามารถจะเลี้ยงดูตัวเองได้โดยไม่ต้องรบกวนครอบครัว แถมยังเหลือพอจะส่งกลับไปให้ทางบ้านได้ด้วย นับเป็นอีกต้นแบบคนรุ่นใหม่ นำงานอดิเรกที่รักมาเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างน่าชมเชย
รัฐพงษ์ โคตรนนท์ หรือ “นุ้ก” หนุ่มชาวขอนแก่นวัย 20 ปี นักศึกษาปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เล่าว่า ชอบเลี้ยงปลาสวยงามมาตั้งแต่เล็ก โดยเฉพาะปลาทอง เพราะหลงเสน่ห์ความน่ารักและสวยงาม ทว่าในช่วงเริ่มเลี้ยงใหม่ๆ มักประสบปัญหาเลี้ยงแล้วปลาจะตาย เกิดความเศร้าใจ ขณะเดียวกันกลายเป็นแรงผลักดันให้อยากศึกษาวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องไม่ให้ปลาต้องตายอีก และต่อยอดถึงกระบวนการเพาะพันธุ์ปลาด้วย
“ตอนเด็กๆ ไม่ว่าผมจะตั้งใจเลี้ยงปลาอย่างดีเพียงใดมันก็จะตายเสมอ ทำให้ผมพยายามอ่านหนังสือ ศึกษาอย่างจริงจังให้ละเอียดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการเลี้ยง โรคต่างๆ ฯลฯ จนปลาที่เลี้ยงตัวโตสวยงาม และแทบไม่มีการตายจากโรคหรือการเลี้ยงผิดวิธีเลย จากนั้นผมก็เริ่มขยายพันธุ์จนสำเร็จ” หนุ่มรักปลาอธิบายเสริม
หลังเรียนจบระดับมัธยม ต้องเข้ามาศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง โดยอาศัยเช่า “หอพัก” ซึ่งด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ไม่สะดวกจะเลี้ยงปลาทองตัวใหญ่ที่จำเป็นต้องอยู่ในบ่อขนาดใหญ่ ทำให้เขาต้องหยุดการเลี้ยงปลาซึ่งเป็นงานอดิเรกสุดรักไปชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ด้วยใจที่ผูกพันกับการเลี้ยงปลาทองมาตลอดชีวิต ประกอบกับอยากหารายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรียน เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมารัฐพงษ์ ทดลองทำฟาร์มเลี้ยงปลาทอง โดยลดขนาดฟาร์มให้เหลือแค่ระดับจิ๋ว สามารถทำได้ในพื้นที่ห้องพักของตัวเอง เบื้องต้นลงทุนแค่ไม่เกิน 5,000 บาท เป็นค่าพ่อแม่พันธุ์ “ปลาทองฮอลันดายักษ์” ที่ซื้อจากฟาร์มแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี จำนวน 4 ตัว (ตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 2 ตัว) นอกจากนั้นลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำ อาหารปลา รวมถึงทำบ่อเลี้ยงที่ประยุกต์นำอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้แทนบ่อเลี้ยงถาวร เช่น บ่ออนุบาล ใช้เป็นอ่างพลาสติก เป็นต้น รวมแล้วมีบ่อเลี้ยงทั้งหมด 8 บ่อ แบ่งเป็น บ่อเล็ก 2 บ่อ (ประมาณ 20x30 เซนติเมตร) กลาง 2 บ่อ (ประมาณ 50x100 เซนติเมตร) และใหญ่ 4 บ่อ (ขนาด 80x150 เซนติเมตร)
“เทคนิคการขยายพันธุ์ปลาทองในพื้นที่เล็กๆ โดยเฉพาะในห้องพักไม่มีตำราเล่มไหนสอน หรือแนะนำโดยตรง วิธีที่ผมใช้คือ เรียนรู้เอง ควบคู่กับไปดูงานตามฟาร์มเลี้ยงระดับมาตรฐานต่างๆ แล้วมาประยุกต์ในการเพาะพันธุ์ปลาของตัวเอง ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนบ่อเลี้ยงให้มีขนาดกว้างขึ้นเรื่อยๆ และให้อาหารเหมาะสม ก็จะสามารถขยายพันธุ์ และปลาเติบโตอย่างดี” รัฐพงษ์ระบุ
ทั้งนี้ ปลาทองที่เด็กหอคนนี้เลือกที่จะเลี้ยง คือ พันธุ์ “ฮอลันดายักษ์” เพราะมีคุณสมบัติรูปร่างสวยงาม ดูแลง่าย โตเร็ว และที่สำคัญกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักการเลี้ยงปลาทอง โดยพันธุ์ฮอลันดายักษ์จะมีอายุประมาณ 3 ปี ตัวโตเต็มวัยขนาดใหญ่เกือบ 1 ฟุต น้ำหนักราว 2 กิโลกรัม หากเป็นตัวที่สมบูรณ์และสวยงามมากๆ ราคาซื้อขายในตลาดอยู่ที่ตัวละหลักแสนบาท
หนุ่มนุกเล่าต่อว่า จากพ่อแม่พันธุ์ที่ซื้อมาเพียง 2 คู่ สามารถขยายพันธุ์ลูกปลาทองรุ่นแรกได้ถึงหลักพันตัว ใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 2-3 เดือน จนลูกปลาทองเติบโตได้ขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว พร้อมออกขายได้แล้ว โดยอาศัยช่องทางออนไลน์ เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ เด็กหอเลี้ยงปลา รับออเดอร์จากลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นนักเลี้ยงปลาสวยงามมือใหม่ โดยราคาขาย ถ้าเป็นลูกปลาทองเกรดเอ ตัวละ 50 บาท ส่วนลูกปลาทองเกรดทั่วไป เริ่มต้นที่ตัวละ 9 บาท เมื่อลูกค้าสั่งออเดอร์แล้วจะบรรจุลูกปลาทองในถุงพลาสติกอัดอากาศ ก่อนใส่ลงในกล่องโฟมอีกชั้น จากนั้นจะใช้บริการขนส่งเอกชนจัดส่งให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ
“ในหมู่คนเลี้ยงปลาทองจะเป็นสังคมค่อนข้างใกล้ชิดกัน คอยแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาเสมอ เมื่อผมเปิดแฟนเพจ “เด็กหอเลี้ยงปลา” เพื่อจะขายลูกปลาทองฮอลันดา จึงได้รับความช่วยเหลือจากพรรคพวกที่เป็นคนรักปลาทองช่วยแชร์ข้อมูลร้าน ทำให้มีลูกค้าสนใจสั่งออเดอร์ และเนื่องจากผมขายลูกปลาทอง ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เข้าสู่วงการเลี้ยงปลาทองได้ไม่นาน ซึ่งผมจะมีบริการหลังการขาย โดยให้คำแนะนำ และคอยเป็นที่ปรึกษาการเลี้ยง นอกจากนั้น ในเพจก็จะให้ข้อมูลความรู้การเลี้ยงปลาทองสม่ำเสมอ ทั้งรูปแบบข้อเขียนและคลิปวิดีโอ ทำให้มีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ควบคู่กับได้ออเดอร์ต่อเนื่อง” รัฐพงษ์เผย
ไม่เท่านั้น เขายังใช้ช่องทางหน้าร้านออนไลน์ บริการร้บจ้างหาปลาสวยงามชนิดต่างๆ โดยอาศัยจากประสบการณ์และความชำนาญส่วนตัว สามารถจะหาปลาคุณภาพดีหรือพันธุ์แปลกๆ ที่ลูกค้าต้องการได้เสมอ โดยซื้อจากแหล่งค้าส่งปลาสวยงาม ไม่ว่าจะตลาดจตุจักร และฟาร์มเลี้ยงปลาต่างๆ โดยตรง โดยจะได้กำไรจากส่วนต่างราคาที่ไปรับซื้อมา กับราคาที่ขายส่งต่อให้ลูกค้า
หลังจากเปิดขายปลาทองผ่านออนไลน์มาประมาณ 3 เดือน เขาเผยว่ามีรายได้ประมาณเดือนละ 30,000-40,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วจะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสำหรับเขาที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ รายได้ดังกล่าวเพียงพอต่อการใช้จ่ายทั้งเดือนจนไม่ต้องรบกวนให้ผู้ปกครองส่งเงินมาให้ แถมบางเดือนยังเหลือเงินส่งกลับไปให้ทางบ้านได้อีกด้วย
รัฐพงษ์เผยในตอนท้ายว่า ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่เลี้ยง ซึ่งอยู่ในห้องพัก ทำให้ไม่สามารถจะขยายการเลี้ยงปลาทองให้มีขนาดตัวใหญ่ได้มากกว่านี้แล้ว ดังนั้น แผนที่วางไว้ในระหว่างที่ยังเรียนหนังสืออยู่ จะยึดขายลูกปลาทอง กับบริการหาปลาสวยงามส่งให้ลูกค้าเช่นนี้ไปก่อน จนหลังจากเรียนจบแล้ววางแผนจะหาพื้นที่ทำฟาร์มเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลาสวยงามอย่างจริงจัง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ และสร้างความสุขเพราะได้ทำในสิ่งที่รักตลอดเวลา
ติดต่อ โทร. 09-6145-5526 หรือ FB: เด็กหอเลี้ยงปลา
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *