เมนูจากแดนปลาดิบอย่างราเมนซึ่งเป็นอาหารที่ราคาอยู่ในระดับสูงแตกต่างจากบะหมี่รถเข็นทั่วไป ทำให้โอกาสลิ้มลองได้ไม่บ่อย จึงเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน ทำให้หนุ่มอุดรธานีที่ชื่นชอบการรับประทานราเมน คิดเปิดร้านราเมนขึ้นริมทางสร้างความต่างด้วยการออกแบบตกแต่งประหนึ่งการนั่งรับประทานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ปาน กลายเป็นกระแสฮิตคนแห่อุดหนุนแม้ต้องรอนานก็ยอม
จากความชอบและหลงใหลในราเมนทำให้ "นายวีระ วัฒนธีรวุฒิ" ออกแบบคีออสก์ให้มีลักษณะคล้ายรถเข็นริมทางในประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนนิยมไปนั่งรับประทาน โดยเน้นขายในราคาย่อมเยาแต่คุณภาพไม่ต่างจากร้านดังในห้างสรรพสินค้า
"ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการรับประทานราเมนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดจากการเป็นคนต่างจังหวัดทำให้มีร้านให้เลือกรับประทานน้อยแถมราคาก็ค่อนข้างสูงทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แตกต่างจากบะหมี่ริมทางที่หลายคนคุ้นเคย ผมจึงตัดสินใจเปิดร้านราเมนขึ้นพร้อมทลายโจทย์ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในธุรกิจร้านราเมนออกไปให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องราคา และคุณภาพ"
ดังนั้นเขาจึงเริ่มออกแบบร้านให้มีลักษณะเป็นรถเข็นและโคมไฟมาตกแต่ง เพื่อให้ได้บรรยากาศแบบการรับประทานราเมนข้างทางในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่คุณภาพและรสชาติก็อาศัยครูพักลักจำจากเพื่อนที่เป็นเชฟชาวญี่ปุ่นเมื่อครั้งได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศพร้อมนำมาปรับและพัฒนาให้ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 กับร้านที่ชื่อว่า "ซูโก้ย ราเมน"
"เราเน้นสร้างความต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์โดยใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์ เพื่อสื่อว่าเราคือราเมนรสชาติต้นตำรับในราคาที่จับต้องได้ เพราะโดยปกติร้านจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าราคาค่อนข้างสูง เราจึงแหวกแนวโดยการทำเป็นรถเข็นที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น สามารถเปิดขายได้ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตึกแถว ห้องแถว ตลาดนัด ฟูดคอร์ต หรือแม้กระทั่งข้างทาง ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม"
สำหรับราคาเริ่มต้นที่ 69-109 บาท ได้แก่ มิโซะราเมนน้ำข้น/น้ำใส 69 บาท โชยุราเมนน้ำข้น/น้ำใส 69 บาท ราเมนแกงกะหรี่หมูตุ๋น 89 บาท โคชูจังราเมน 89 บาท ถ้าเป็นเส้นชาร์โคลเพิ่มเมนูละ 20 บาท ซึ่งรับประกันคุณภาพเกินคุ้มจากการที่ "ซูโก้ย ราเมน" เลือกใช้วัตถุดิบอย่างดีนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และเขายังควบคุมการผลิตเองทั้งหมดจึงยังคงกลิ่นอายความเป็นต้นตำรับไว้ได้ โดยเฉพาะเส้นราเมนเป็นแบบโฮมเมดผลิตสดใหม่ทุกวัน มีความเหนียวนุ่มทำให้เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า
ส่วนการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ มีให้เลือก 2 แบบ คือ 1. ขนาดกลางลงทุน 50,000 บาท และขนาดใหญ่ลงทุน 99,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบการลงทุนแฟรนไชซีจะได้รับรถเข็น 1 คัน อุปกรณ์ในการขาย 52 รายการ และวัตถุดิบพร้อมขายทุกเมนูฟรี พร้อมเปิดร้านได้ทันที ส่วนสิ่งที่ลูกค้าต้องซื้อเพิ่มเติม คือ ถังแก๊ส และตกแต่งร้านในแบบฉบับของตัวเอง โดยไม่มีค่าแฟรนไชส์รายเดือนหรือรายปี
ปัจจุบัน “ซูโก้ย ราเมน” มีทั้งหมด 27 สาขา เช่น สาขาอุดรธานี ข้างร้านประจักษ์การแว่น (ปณ.ศรีสุข), สาขาขอนแก่น ได้แก่ ตรงข้าม Hugzmall ตลาดต้นตาล และ กังสดาล มข. (ใกล้ eve&boy), สาขากาฬสินธุ์ ใกล้ บขส., สาขาโคราช ใกล้ มทส., สาขาโคราช เซฟวัน, สาขาเชียงใหม่-ถ.สิโรรส ซ.ตรงข้ามแมคโดนัลด์ ข้างลานจอดรถ รพ.มหาราช, สาขา กทม. ได้แก่ บริเวณตรงข้าม ร.ร.สวนกุหลาบนนท์ / เจริญนคร 18 / ราชพฤกษ์ (ฟู้ดวิลล่า) / พระราม 2 (ตลาดกรีนมาร์เกต) / ลาดพร้าว 101 เป็นต้น และในเร็วๆ นี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาตลาดสุวรรณภูมิ และสาขา ม.กรุงเทพ
อนาคตเขาเตรียมสร้างแบรนด์ซูโก้ยราเมนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมขยายสาขาแฟรนไชส์ไปทุกภูมิภาคเพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น พร้อมสร้างการรับรู้ในตราสินค้า โดยให้ลูกค้าจดจำว่า “ซูโก้ย ราเมน” เป็นราเมนที่อร่อยและราคาไม่แพง ขณะที่ในส่วนของการขยายแฟรนไชส์ จะออกแบบร้านให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเปิดสาขาในศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตีมอลล์ (Community Mall) ต่อไป
***สนใจติดต่อ 08-9422-8894 หรือที่ Facebook : ซูโก้ย ราเมน แฟรนไชส์บะหมี่ญี่ปุ่น***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *