“บ้านโคกไคร” หมู่บ้านเล็กๆ ใน ต.มะลุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์จากวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะเป็นแหล่งเลี้ยง “หอยนางรม” สำคัญของประเทศ แถมมีแหล่งธรรมชาติสวยงามน่าอัศจรรย์ นำมาสู่การยกระดับให้เป็น “หมู่บ้านโอทอปท่องเที่ยว” เปิดรับแขกภายนอกเข้ามาสัมผัส ช่วยเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่น และที่สำคัญ สามารถรักษาความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมและสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ไว้ได้ นับเป็นต้นแบบการสร้างเศรษฐกิจเข้มแข็งจากระดับฐานราก ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของชาวบ้านกับหน่วยงานภาครัฐ
ชุมชนแห่งนี้มีประชากรประมาณ 300 ครัวเรือน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อาชีพหลักคือ ทำประมงชายฝั่ง และเมื่อ พ.ศ. 2543 ชาวบ้านรวมตัวจัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเกษตรบ้านโคกไคร นำของดีในท้องถิ่นมาแปรรูปหารายได้เสริม เบื้องต้นคือ “กุ้งย่าง” หลังจากนั้นพัฒนากระบวนการผลิตต่อเนื่อง จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอป อีกทั้งทำสินค้าแปรรูปอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น กะปิกุ้งเคย และเครื่องแกง เป็นต้น
และเนื่องจากชุมชนแห่งนี้มีความพร้อมทั้งเสน่ห์ชุมชนและธรรมชาติ กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย ได้เข้ามาส่งเสริมยกระดับให้เป็น “หมู่บ้านโอทอปท่องเที่ยว” (OTOP Village Champion หรือ OVC)
“สมพร สาระการ” หัวหน้ากลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกไคร ให้ข้อมูลเสริมว่า กระบวนการในการยกระดับหมู่บ้านสู่แหล่งท่องเที่ยวนั้น ชาวบ้านได้ร่วมกันวางรูปแบบการท่องเที่ยวให้เหมาะสม และระดมทุนจากสมาชิก ที่เบื้องต้นมี 25 คน ได้จำนวน 4 แสนบาท นำมาพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว โดยไฮไลต์สำคัญคือ “สปาโคลนร้อน” ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายร้อน ในคลองมะรุ่ย รอยต่อระหว่างจังหวัดพังงากับกระบี่ ซึ่งเกิดจากรอยแยกของเปลือกโลกทำให้น้ำทะเล ทราย และโคลน ในบริเวณนี้มีความร้อน ชาวบ้านมักใช้พอกบำบัดโรคเหน็บชาปวดเมื่อย โดย 1 เดือนจะทำกิจกรรมนี้ได้เพียง 10 วันเท่านั้น ระหว่าง 3 ค่ำถึง 7 ค่ำ นับเป็นความอัศจรรย์จากธรรมชาติ ที่นำมาบริการแก่นักท่องเที่ยว
อีกทั้งมีกิจกรรมพาเที่ยว “หาดตั้งเลน” ซึ่งเป็นหาดทรายกลางทะเล จะพบได้เฉพาะตอนน้ำลด โดยทีเด็ดอยู่ที่ “กองทัพปูมดแดง” นับหมื่นๆ ตัวออกมาอวดโฉมให้เห็น ตามด้วยนักท่องเที่ยวจะได้นั่งเรือคยัคลัดเลาะป่าชายเลนชมธรรมชาติ และเข้าเที่ยว “ถ้ำหัวกะโหลก” หรือ “ถ้ำผีหัวโต” ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และชมภาพเขียนโบราณกว่า 100 ภาพอายุกว่า 3,000 ปี นอกจากนั้น ยังได้เรียนรู้การทำฟาร์มหอยนางรม และชิมอาหารพื้นบ้าน เป็นต้น
สมพรเล่าต่อว่า การทำตลาดท่องเที่ยว เริ่มแรกติดต่อไปยังตัวแทนขายแพกเกจท่องเที่ยวกับโรงแรมต่างๆ ย่าน “เขาหลัก” ขอให้ส่งลูกค้าเข้ามาท่องเที่ยวบ้านโคกไครบ้าง ทว่า ในช่วงปีแรกแทบไม่มีใครสนใจเลย เนื่องจากเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ไม่เคยมีใครสนใจมาก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกๆ ที่ได้เข้ามาลองสัมผัส และเกิดประทับใจ จึงช่วยบอกต่อ ส่งให้ชื่อเสียงบ้านโคกไครถูกกล่าวถึงในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ นับถึงปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยประมาณ 500-600 คนต่อเดือน
หัวใจสำคัญที่ส่งให้การท่องเที่ยวบ้านโคกไครเติบโตเคียงคู่กับชุมชนเข้มแข็ง เกิดจากชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตามความถนัดของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ชาวประมงที่มีเรือหาปลา สามารถนำเรือที่ว่างแวะจากการทำประมง มาปรับปรุงเป็นเรือโดยสารบรรทุกนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีอยู่ 12 ลำ แม่บ้านหรือคนชราที่มีฝีมือการทำอาหาร มาทำหน้าที่แม่ครัวทำอาหารบริการนักท่องเที่ยว ส่วนเด็กๆ ทำหน้าที่นวดสปาโคลน คนหนุ่มทำหน้าที่พายเรือคยัค ฯลฯ โดยรายได้ที่เข้ามาถูกบริหารจัดการโดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกไคร ส่วนหนึ่งเก็บเข้ากองกลางไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เหลือกระจายให้แก่ชาวบ้านที่มาทำงาน เฉลี่ยต่อคนจะมีรายได้เสริมประมาณ 1,500-3,000 บาทต่อเดือน
“การท่องเที่ยวบ้านโคกไครมีเสน่ห์ เพราะชาวบ้านทำกันเองในสิ่งที่ถนัด ไม่ต้องฝืนธรรมชาติ รวมถึงมีรายได้เสริมช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ชาวบ้านจึงอยากจะเข้ามามีส่วนร่วม และไม่ต่อต้านที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพวกเราจะมีจุดยืนร่วมกันว่าจะต้องรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งชุมชนและธรรมชาติแบบดั้งเดิมไว้ ขณะที่กรมการพัฒนาชุมชนช่วยให้ความรู้ และช่วยพัฒนาสินค้าชุมชน กับทำการตลาดให้ ส่วนเอกชนภายนอก เราจะขอให้เป็นพันธมิตรทำในส่วนที่ชาวบ้านทำเองไม่ได้ เช่น บริการรถขนส่งพานักท่องเที่ยวมาจากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หรือที่พัก โรงแรม เป็นต้น” สมพรเสริม
ทั้งนี้ แพกเกจท่องเที่ยวบ้านโคกไคร จะมีทั้งแบบครึ่งวัน 1 วัน และ 2 วัน 1 คืน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,050-2,150 บาทต่อคน (ขึ้นอยู่กับแต่ละแพกเกจ) โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจะมีอัตราการใช้จ่ายเมื่อมาเยือนชุมชนแห่งนี้ ประมาณคนละ 1,500 บาท โดยต่อวันจะรับนักท่องเที่ยวสูงสุดได้เพียง 80 คนเท่านั้น
ผู้นำชุมชนกล่าวเสริมว่า สำหรับแผนพัฒนาต่อไป จะยกระดับสาธารณูปโภคต่างๆ ให้เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ “เรือ” เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย นอกจากนั้น จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวบ้านโคกไครเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวอันดามันอื่นๆ ด้วย
ด้าน “อภิชาติ โตดิลกเวชช์” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล คือ ลดความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ โดยหากระบวนการที่จะเพิ่มรายได้ให้ประชากรในระดับท้องถิ่น สร้างเศรษฐกิจมั่งคั่งจากระดับฐานรากกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้น กรมฯ ได้ดำเนินโครงการยกระดับหมู่บ้านต่างๆ ที่มีศักยภาพสู่การเป็น “หมู่บ้านโอทอปท่องเที่ยว” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 นับถึงปัจจุบันมีรวมกัน 111 แห่ง สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 800 ล้านบาทต่อปี
สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกหมู่บ้านสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยว จะพิจารณาจากมีสินค้าท้องถิ่นโดดเด่น ชุมชนมีวิถีชีวิตน่าสนใจเป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติสวยงาม รวมถึงมีเสน่ห์แห่งท้องถิ่น เช่น อาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม เป็นต้น โดยการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาหมู่บ้านละ 8 แสนบาท โดยมุ่งให้ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจท่องเที่ยว และยกระดับสินค้าชุมชนเป็นของฝาก ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน รวมถึงช่วยทำการตลาดให้ โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวต่อว่า สำหรับบ้านโคกไครมีจุดเด่นที่ชาวชุมชนร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง และมีแนวคิดที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้เกิดการเติบโตยั่งยืน โดยทางกรมฯ มาช่วยเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาการท่องเที่ยว อีกทั้งร่วมกับ “สถาบันอาหาร” พัฒนาอาหารเด่นประจำท้องถิ่นยกระดับเป็นสินค้าของฝาก
“เป้าหมายในการยกระดับชุมชนสู่แหล่งท่องเที่ยวของกรมฯ จะอยู่ที่ประมาณ 18 แห่งต่อปี ซึ่งเราไม่ได้เน้นให้เกิดหมู่บ้านท่องเที่ยวจำนวนมากๆ แต่ต้องการให้ทุกชุมชนที่ได้รับยกระดับ สามารถเติบโตและยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น การส่งเสริมของกรมฯ จะไม่ได้มุ่งให้งบเพื่อก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวร แต่จะมุ่งให้ความรู้และแนวคิดในการประกอบอาชีพ เพราะเชื่อว่าการสอนให้ “หาปลาเป็น” จะยั่งยืนกว่าการ “นำปลาไปป้อนให้กิน” ซึ่งหากเศรษฐกิจชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ในที่สุดก็จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ของประเทศไทยลงได้” อภิชาตกล่าวในตอนท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *