“สนธิรัตน์” เผยประชาชนแห่ร่วมเข้าอบรมหลักสูตรสอนทำก๋วยเตี๋ยว นำไปสร้างอาชีพ นำร่อง 150 ราย ระบุเตรียมขยายการสอนอาชีพทำอาหารจานเดียว พร้อมเชื่อมโยงโครงการหนูณิชย์พาชิม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้ (12 ก.ค.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดอบรมฝึกอาชีพสอนทำก๋วยเตี๋ยวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาชีพเป็นของตนเองและต้องการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว รวมถึงอบรมเทคนิคการบริหารจัดการร้านอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถเปิดร้านได้จริง โดยมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมฝึกอาชีพจำนวนมาก ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสร้างอาชีพสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากรองรับกลุ่มประชาชนที่ไปขึ้นทะเบียนคนจน 14 ล้านคน โดยมีแผนจะจัดอบรมต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค นำร่องอบรมเบื้องต้น 150 คน ก่อนจะขยายสู่อาหารจานเดียวประเภทอื่น เช่น ข้าวราดแกง และขนมหวาน เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการหนูณิชย์พาชิมและต่อยอดไปสู่หนูณิชย์ติดดาว ก่อนจะพัฒนายกระดับไปสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ต่อไป
"กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับ "ธุรกิจแฟรนไชส์" คือ ร้าน Gala Noodle (เย็นตาโฟตีลังกา) สอนทำก๋วยเตี๋ยวน้ำใส-เย็นตาโฟ ในวันนี้ และวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2560 ร่วมมือกับ "มูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ" สอนทำก๋วยเตี๋ยวน้ำตก และข้าวเหนียวหมูฝอย ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย โดยการอบรมทั้ง 2 วันมีผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมฝึกอาชีพเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของประชาชนที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ทำให้มีแนวคิดว่าจะมีการขยายและต่อยอดการสอนอาชีพทำอาหารประเภทอื่นๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในอนาคตอาจมีการเดินสายอบรมสร้างอาชีพการทำอาหารในส่วนภูมิภาคด้วย โดยขณะนี้กำลังประสานความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจ แฟรนไชส์ ฯลฯ ในการกำหนดรูปแบบการอบรมและเมนูอาหารประเภทต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่การสอนอาชีพธุรกิจอาหารเท่านั้น กระทรวงฯ ได้ทำการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจประเภทอื่นๆ เพื่อใช้ในการอบรมสร้างอาชีพด้วย และพร้อมที่จะต่อยอดอาชีพสู่ธุรกิจอื่นๆ ตามความถนัดของแต่ละบุคคลในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานรากของไทยในระยะยาว
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดทำแผนการดำเนินงานปี 2561 เน้นภารกิจ 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ยกระดับการจัดอันดับความยาก-ง่ายการดำเนินธุรกิจให้มีลำดับสูงขึ้น 2. ฝึกอบรมสร้างเสริมอาชีพประชาชนระดับฐานรากตามนโยบาย Local Economy 3. ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีสู่การทำอี-คอมเมิร์ซ และ 4. ผลักดันร่างกฎหมายที่จะเอื้อให้สามารถเริ่มต้นประกอบธุรกิจง่ายขึ้น และเพิ่มกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจของกลุ่มสตาร์ทอัพให้ได้รับการคุ้มครอง เป็นต้น
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *