เมื่อญี่ปุ่นมีผงโรยข้าว ดังนั้นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น จึงขอทำบ้าง แต่เป็นการแปรรูปปลาทูเป็น 'ปลาทูทรงเครื่อง' ส่งกลับไปขายยังแดนปลาดิบชูรสกระเพรา ตีตลาดกลายเป็นอาหารถูกปากที่บิดาชาวญี่ปุ่นช่วยทำตลาด ภายใต้แบรนด์ "แม่มะลัย" ให้โด่งดัง
ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 3 "วิทวัส จันนาวัน" ผู้จัดการฝ่ายขาย คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงขอเป็นผู้สานต่อธุรกิจปลาทูของคุณยายด้วยการแปรรูปปลาทูสด สู่ 'ปลาทูทรงเครื่อง' ที่เก็บได้นาน รับประทานง่ายขนส่งสะดวก และสามารถเจาะตลาดส่งออกได้สบาย
ซึ่งธุรกิจนี้ถือเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปลาทูเข่งสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูป แต่เดิมคุณยายมะลัยขายปลาทูเข่งนึ่งมานานกว่า 30 ปี ผู้เป็นหลานอย่างนายวิทวัสเห็นการเติบโตในธุรกิจมาโดยตลอดกระทั่งเรียนจบปริญญาโท คุณยายอายุมากขึ้น ภาพรวมธุรกิจปลาทูเข่งเริ่มเติบโตช้า จึงคิดหาวิธีแปรรูปปลาทูเข่งให้รับประทานง่ายขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้
สุดท้ายปลาทูทรงเครื่องจึงเกิดขึ้นสามารถเก็บได้นาน 6 เดือนนอกตู้เย็น แต่หากแช่เย็นจะอยู่ได้นานถึง 1 ปีปราศจากสารกันบูดกันเสียใดๆ ครบครันด้วยสมุนไพรไทย อาทิ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ที่ช่วยกลบกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งไอเดียการทำปลาทูทรงเครื่องก็มาจากคุณยายมะลัย ที่ทำให้ลูกสาวของตนรับประทานมาก่อนในเรื่องของรสชาติถือว่าไม่เป็นรองใคร จึงต้องการส่งมอบความอร่อยไปยังเพื่อนร่วมงานได้ชิมบ้างก่อนที่จะตัดสินใจเปิดขายอย่างเป็นทางการ
"หากย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน เราเห็นคุณยายทำปลาทูทรงเครื่องให้น้าสาวรับประทาน ก็รู้สึกว่ารสชาติดีรับประทานง่าย จากนั้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จึงลองทำเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังเริ่มจากให้เพื่อนและญาติชิม ต่างก็ชื่นชอบในรสชาติและแนะนำให้ทำขาย โดยเราทำใส่กระปุกเล็กๆ ขายในราคาไม่แพงโดยใช้ชื่อแบรนด์แม่มะลัย เพราะต้องการยกเครดิตให้คุณยายที่ทำผลิตภัณฑ์นี้ออกมาเป็นคนแรก กระทั่งมีการนำใส่กระปุกที่ได้มาตรฐานมีแพคเกจจิ้งที่สามารถช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้นส่งผลในเรื่องการตอบรับดีแก่ผู้บริโภค"
เมื่อวิทวัสคิดทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังก็คัดสรรวัตถุดิบดีมีคุณภาพ โดยต้องเป็นปลาทูจากอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นเจ้าที่ส่งปลาทูให้กับคุณยายมาโดยตลอด ขั้นตอนการผลิตก็ได้รับเงินทุนจากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (Innovation andTechnology Assistance Program: ITAP) ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มาช่วยเหลือในเรื่องเครื่องจักรที่ทำให้สามารถควบคุมเรื่องความชื้นของปลาทูทรงเครื่องได้รวมถึงยังช่วยคิดค้นเครื่องผัดและหัวสำหรับผัดอีกด้วย
สำหรับจุดเด่นของปลาทูทรงเครื่องแม่มะลัยอยู่ที่ในปลาทูทรงเครื่อง 1 กระปุก จะมีปริมาณเนื้อปลาทูมากถึง 95% จะเป็นเนื้อล้วนๆ คัดคุณภาพปราศจากหัวและหางปลาทูโดยสิ้นเชิง นอกจากปลาทูทรงเครื่องจะเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแล้ว อีกหนึ่งเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ คือ “แจ่วบองปลาทูทรงเครื่อง” อาหารยอดนิยมของชาวอีกสาน เดิมทีจะใช้เนื้อปลาร้า หรือตัวปลาร้า แต่ทางแบรนด์แม่มะลัย จะใช้น้ำปลาร้า ส่วนตัวเนื้อจะใช้เนื้อปลาทูแทน มีกลิ่นเครื่องเทศ ตะไคร้ ใบมะกรูด ชัดเจน ซึ่งเขาเป็นเจ้าแรกที่ทำแจ่วบองปลาทูทรงเครื่องและเตรียมจดสิทธิ์บัตรเร็วๆ นี้
สำหรับช่องทางจำหน่ายหลักคือขายผ่านช่องทางออนไลน์เน้นไปที่เฟสบุก เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก รวมถึงแสดงตัวตนในการเป็นผู้ประกอบการปลาทูทรงเครื่องแม่มะลัย แก่หน่วยงานภาครัฐ อย่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, พาณิชย์จังหวัด จนได้รับโอกาสนำสินค้าไปร่วมประกวดสินค้าโอทอป จ.อุดรธานี และสามารถคว้ารางวัลโอทอป 4 ดาว มาครองได้สำเร็จ ทำให้ได้นำสินค้าไปจำหน่ายทั่วประเทศ
โดยราคาปลาทูทรงเครื่องขายปลีกอยู่ที่ประปุกละ 150 บาท แต่ในสนามบินอุดรธานีขายในราคา 180 บาท มีกำลังการผลิตประมาณ 600-1,000 กระปุก/เดือน ได้แก่ รสดั้งเดิม (ขายดี) รสกระเทียม และรสเผ็ดให้ลูกค้าได้เลือกสรร โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อไป จะได้รับโปรตีนจากเนื้อปลาเต็มเปี่ยม เหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ เพราะใช้ปลาทูล้วนๆ อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ไอโอดีน และแคลเซียมสูง
อนาคตเขามองไปที่ตลาดต่างประเทศ นำร่องที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นอันดับแรก เนื่องจากชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติใกล้เคียงกับไทย ส่วนความเผ็ดจะน้อยกว่าไทย ซึ่งปลาทูทรงเครื่องแม่มะลัย ก็มีตัวเลือกดังกล่าว ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้คุณพ่อเป็นผู้ทำตลาดให้ ก็ได้รับการตอบดีไม่แพ้กันโดยเฉพาะรสกระเพรา ซึ่งหลังจากนี้จะบุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เตรียมขอมาตรฐาน อย. ของประเทศนั้นๆ ต่อไป
***สนใจติดต่อ 08-6643-5158 หรือที่ Facebook: ปลาทูทรงเครื่องแม่มะลัย และ Line Id: Lordbigboy1***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *