ทุเรียนฟรีซดราย ผลผลิตจากการแปรรูปทุเรียนที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค ที่ผ่านมาโรงงานแปรรูปทุเรียนฟรีซดรายเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครเอง หรือในจังหวัดที่ปลูกทุเรียน อย่างจังหวัดจันทบุรี ระยอง
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับการแปรรูปทุเรียนในรูปแบบของฟรีซดรายได้รับความนิยมมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีการอบกรอบโดยไม่ต้องใช้น้ำมันในการทอด และได้รสชาติที่กรอบอร่อย เหมาะสำหรับคนที่รักษ์สุขภาพ โดยทุเรียนที่นำมาผ่านกระบวนการฟรีซดรายจะใช้ทุเรียนแช่แข็งที่อุณหภูมิ -20 องศา ซึ่งผู้ผลิตทุเรียนฟรีซดรายจะต้องเก็บทุเรียนในรูปแบบของแช่แข็งก่อนนำมาใช้
ทั้งนี้ การแปรรูปทุเรียนฟรีซดรายเป็นตัวช่วยทำให้ทุเรียนไม่ล้นตลาด เพราะทุเรียนส่วนหนึ่งถูกเก็บไว้ในรูปของแช่แข็งเพื่อนำมาแปรรูปเป็นทุเรียนฟรีซดรายออกจำหน่าย ส่วนตลาดของทุเรียนฟรีซดราย ปัจจุบันมากกว่า 50% ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ประเทศหลักคือ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และยุโรป บางประเทศ ฯลฯ ราคาขายส่งทุเรียนฟรีซดราย ปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,300-1,400 บาท ราคาขายปลีก 1,500 บาท ไปจนถึง 2,000 บาท
โดยทุเรียนสด 100 กิโลกรัม เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูปฟรีซดรายเหลือประมาณ 30 กิโลกรัม ซึ่งราคาทุเรียนสดปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นเพราะความต้องการทุเรียนสดมีมากขึ้นในตลาดส่งออก ดังนั้น ทุเรียนที่นำมาแปรรูปราคาสูงตามไปด้วย ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาราคาทุเรียนสดจากสวนกิโลกรัมละ 40 บาท ถึง 50 บาท แต่ถ้าทุเรียนแพงกว่านี้ ราคาทุเรียนฟรีซดรายต่อกิโลกรัมเพิ่มมากขึ้น ในปีนี้ (2560) ประเทศไทยมีทุเรียนมากพอเหลือนำมาแปรรูปในราคาที่ไม่สูงมากเพราะผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าในปีต่อไปผลผลิตน่าจะมีมากขึ้นจากการที่ผู้ปลูกยางพารามีการโค่นต้นยาง และหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น
ที่ผ่านมาทางทีมงานได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี โดยสถาบันอาหาร ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อไปร่วมเป็นเกียรติในการมอบโล่เกียรติคุณและเครื่องหมาย “ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูประดับคุณภาพดีเยี่ยม หรือ ECF เพื่อการันตีคุณภาพมาตรฐานส่งออก โดยครั้งนี้มีผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดสรร 11 ราย
โดยหนึ่งในนั้นเป็นผลงานทุเรียนฟรีซดราย ของ "นายบุญเที่ยง พฤกษากิจ" เจ้าของ บริษัท จันทบุรี ฟรุต โปรดักส์ ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปแบรนด์ BEE FRUIT อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี จุดเริ่มต้นมาจากคุณบุญเที่ยงมีสวนผลไม้เป็นของตัวเองประมาณ 50 ไร่ และเมื่อผลผลิตออกมามาก ทางออกทางเดียวที่จะช่วยให้ผลผลิตไม่เสีย และยังขายได้ราคาคือ นำมาแปรรูป ในอดีตใช้การกวน อบ และการทอด เป็นหลัก ก่อนจะค่อยพัฒนามาใช้เครื่องจักรเป็นตัวช่วย และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณบุญเที่่ยง เกษตรกรกลายเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีเงินหลักหลายล้านในวันนี้
นายบุญเที่ยงเล่าว่า ได้เริ่มเปิดโรงงานผลิตผลไม้แปรรูปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยการลงทุนซื้อเครื่องจักรในการแปรรูปผลไม้ประเภทเวคคัม เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น เป็นการดึงน้ำออกจากผลไม้ ซึ่งเวคคัมไม่เหมาะกับทุเรียน เพราะทุเรียนที่ได้ไม่กรอบพอเหมือนกับฟรีซดรายในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรกว่า 10 ล้านบาทเพื่อทำทุเรียนฟรีซดราย ซึ่งการทำฟรีซดรายจะทำได้รวดเร็วและต้นทุนที่ถูกกว่าเวคคัมมาก โดยระยะเวลา 30 ชั่วโมงสามารถทำทุเรียนกรอบได้ถึง 140 กิโลกรัม ปัจจุบันตลาดนิยมบริโภคทุุเรียนฟรีซดรายมากกว่า ในส่วนของเวคคัม ทางโรงงานก็ยังคงทำอยู่ เพราะผลไม้ประเภท มังคุด เงาะ หรือสับปะรด การทำเวคคัมจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากกว่า
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย มีส่งขายร้านขายของที่ระลึกจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดชลบุรี ที่เมืองพัทยา จังหวัดระยอง (ตามแหล่งท่องเที่ยว) และจังหวัดจันทบุรี และล่าสุดได้ทำข้อตกลงกับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายในห้างบิ๊กซี ่ส่วนตลาดต่างประเทศ ส่งออกไปประเทศจีน เวียดนาม มาเลเซีย และยุโรป ฯลฯ ซึ่งตลาดต่างประเทศได้ตัวแทนเทรดเดอร์มารับไปจำหน่ายเอง หรือถ้าได้ไปออกงาน THAI FEX ก็จะได้ลูกค้าที่รับซื้อโดยตรง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
สนใจ โทร. 0-3949-4094
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *