“ฟักข้าว” สมุนไพรพื้นบ้านที่ได้ชื่อว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยฟักข้าวมีเบตาแคโรทีนสูงกว่าแครอท 10 เท่า และมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนรักสุขภาพจึงหันมาสนใจสมุนไพรชนิดนี้กันมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นการแปรรูปฟักข้าว ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
รวมถึง ร้านเย็นตาโฟ ที่กำลังกล่าวถึงในวันนี้ เจ้าของร้านได้นำฟักข้าวมาเป็นส่วนผสมของซอสเย็นตาโฟ ได้ซอสเย็นตาโฟฟักข้าว สูตรเด็ดของ ร้านบ้านฟักข้าว By ขนิษฐา ริมคลองมหาสวัสดิ์ ที่ชุมชนบ้านศาลาดิน และร้านนี้ได้จัดให้อยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านศาลาดิน ที่ได้เป็นต้นแบบของหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV)
นอกจาก “ขนิษฐา พินิจกุล” ซึ่งเป็นเจ้าของร้านและเป็นคนขับเคลื่อนกิจการบ้านฟักข้าวแล้ว คนสำคัญอีกคนหนึ่งของบ้านหลังนี้ คือ “ป้าบำรุง พินิจกุล” แม่ของคุณขนิษฐา ได้มาบอกเล่าเรื่องราวของบ้านฟักข้าว ให้ฟังว่า เมื่อตอนปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ กิจการสวนผลไม้ที่ครอบครัวป้าทำไว้เสียหายทั้งหมด เรียกว่าต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ตอนนั้นมีเพื่อนบ้านนำฟักข้าวมาให้ทดลองปลูก ซึ่งจากคุณสมบัติของฟักข้าวที่ดีต่อร่างกายเป็นเหตุผลที่ทดลองปลูกพืชชนิดนี้ดู และด้วยฟักข้าวเป็นพืชปลูกไม่ยาก ให้ผลผลิตดี ลูกสาว “ขนิษฐา” ก็เห็นว่าฟักข้าวนำมาแปรรูปอะไรได้หลายอย่าง เขาก็เลยไปอบรมการแปรรูปฟักข้าวที่วิทยาลัยในวัง ของมหาวิทยาลัยมหิดล มาช่วยสอนสูตรการแปรรูปฟักข้าว ไม่ว่าจะเป็นน้ำฟักข้าว หมี่กรอบ คุกกี้ รวมถึงเย็นตาโฟซอสฟักข้าว และสบู่
ป้าบำรุงบอกกับเราว่า สูตรเย็นตาโฟซอสฟักข้าวไม่ได้พิเศษอะไรมากมายไปจากเย็นตาโฟทั่วไป เพียงแต่ที่เพิ่มมาคือ ซอสฟักข้าว ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้ออกมันเข้มข้น ส่วนซอสแดงที่มาจากน้ำเต้าหู้ยี้ในเย็นตาโฟก็ยังคงมีอยู่ แต่เย็นตาโฟซอสฟักข้าวจะให้สีส้มเหมือนกับน้ำฟักข้าว ทำให้เย็นตาโฟซอสฟักข้าวจะไม่ออกสีแดงเหมือนเย็นตาโฟทั่วไป ซึ่งซอสฟักข้าวตัวนี้ทำมาจากเนื้อที่ติดกับเมล็ดแดง เมื่อผ่าฟักข้าวออกมาจะมีสีแดงข้างในติดกับเนื้อขูดออกมา และนำมาตีจนเป็นเนื้อครีม ก่อนจะนำมาใช้ทำซอสฟักข้าวใส่ในเย็นตาโฟ
ทั้งนี้ ป้าบำรุงและคุณขนิษฐาจะทำเนื้อครีมฟักข้าวแบบนี้ และแช่ในช่องแช่แข็งตู้เย็น และถ้าต้องการนำมาแปรรูปทำอะไรก็สามารถทำได้เลย ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้ หมี่กรอบ หรือแม้แต่สบู่ แต่ส่วนที่นำมาเป็นส่วนผสมของเย็นตาโฟจะทำสดไม่ได้นำเนื้อครีมแช่แข็งมาใช้ เพื่อให้ได้รสชาติของเย็นตาโฟที่อร่อย และถูกใจลูกค้า และนอกจากซอสฟักข้าวที่เติมลงไปเพื่อสุขภาพแล้ว ทางร้านยังได้นำไหลบัวมาใส่เป็นผักในเย็นตาโฟ ช่วยเพิ่มรสชาติให้เย็นตาโฟ และยังเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะไหลบัวเป็นผักสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายเช่นกัน
สำหรับราคาเย็นตาโฟซอสฟักข้าวนี้ ป้าบำรุงบอกว่า ช่วงแรกเริ่มขายชามละ 25 บาท แต่ด้วยราคาวัตถุดิบที่แพงมาก ขาย 25 บาทไม่เหลืออะไร จึงค่อยขยับขึ้นมาชามละ 30 บาท ถึงวันนี้ผ่านมาประมาณเกือบ 4 เดือน ลูกค้าจะมีนักท่องเที่ยว คนในพื้นที่ วันแรกที่ขายได้ไม่ถึง 10 กว่าชาม แต่พอเริ่มมีคนรู้จัก และชอบ บอกต่อๆ กัน ปัจจุบันนี้ วันหนึ่งประมาณ 40-50 ชาม ซึ่งถือว่าเยอะแล้ว เพราะไม่ได้เช่าพื้นที่ ไม่ได้ลงทุนอะไร ฟักข้าวก็ปลูกเอง แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ปลูกฟักข้าว การใช้ซอสฟักข้าวในเย็นตาโฟก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่สูง เพราะราคาฟักข้าวตอนนี้กิโลกรัมละ 35 บาท ลูกหนึ่งทำเนื้อครีม หรือซอสได้ไม่เยอะ ซึ่งในส่วนของเนื้อครีมฟักข้าวแช่แข็งที่ป้าบำรุงทำขายจะขายกิโลกรัมละ 250 บาท
ป้าบำรุงเล่าถึงการปลูกฟักข้าวว่า ปลูกไม่ยาก เริ่มต้นปลูกใช้เวลาประมาณ 6 เดือนออกผล และทิ้งไว้อีก 55 วันเก็บผลสุกนำมาใช้ได้ ซึ่งต้นที่ปลูกก็จะให้ผลออกมาเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนผลผลิตออกมาดีเพราะฟักข้าวจะชอบน้ำ ส่วนต้นก็จะอยู่ไปเรื่อย ฟักข้าวเป็นไม้เลื้อย ซึ่งถ้าต้นเริ่มตาย หรือไม่ให้ผล ก็จะแซมปลูกต้นใหม่เพิ่มเข้าไปตรงต้นเดิม ข้อดีของฟักข้าว นอกจากนำมาใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังเป็นไม้ประดับ เพราะผลที่มีสีสันสวยงาม และต้นเป็นไม้เลื้อยช่วยบังแดด
สวนของป้าบำรุงปลูกต้นฟักข้าวประมาณ 10 ต้น ผลผลิตที่ได้ยังไม่เพียงพอต่อการนำมาแปรรูปจำหน่าย ดังนั้น ในบางช่วงผลผลิตไม่พอก็จะซื้อจากเพื่อนบ้านที่ปลูก และนำมาทำเป็นเนื้อครีมแช่ช่องแข็งไว้ เพื่อง่ายต่อการจำหน่ายให้ลูกค้านำไปใช้ต่อ และยังเป็นการถนอมอาหารเก็บไว้ในช่วงที่ผลผลิตฟักข้าวไม่ออกผลด้วย ส่วนผู้ที่สนใจ กินเย็นตาโฟซอสฟักข้าว ร้านจะเปิดขายเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น
สนใจ โทร. 08-1902-4516 หรือ facebook/ บ้านฟักข้าว By ขนิษฐา
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
