CMMU เล็งเห็นการเติบโตตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้นักศึกษาระดับปริญญาโท ทำงานวิจัย “หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง” เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT พบนิยามรวมกลุ่มท่องเที่ยวไทยด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูงใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 25,000-50,000 บาทต่อทริป ประมาณ 5-7 วัน แนะกุญแจสู่ความสำเร็จภายใต้คอนเซ็ปต์ T-H-A-I พัฒนาสินค้าไทยให้โดนใจนักท่องเที่ยวแดนมังกร
อาจารย์สุพรรณี วาทยะกร อาจารย์สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาการจัดสัมมนาการตลาด “หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง” เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) มองว่า ในปีนี้ (2560) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ราว 33.73-34.39 ล้านคน เติบโต 3.75-5.78% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สูงถึง 1.82-1.85 ล้านล้านบาท ทั้งนี้หากย้อนดูสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2559 พบว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด จำนวน 8,221,526 คน เป็นนักท่องเที่ยวจีน และเป็นกลุ่มที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากถึง 60% ซึ่งในภาพรวมสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย 445,000 ล้านบาท ขณะที่รายงาน “อนาคตของนักท่องเที่ยวจีน” ของอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป ประเมินว่า รายได้ของไทยจากนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มสูงขึ้นราว 829,500 ล้านบาทในปี 2566
ด้วยความน่าสนใจของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีกำลังซื้อมหาศาล สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ส่งเสริมให้นักศึกษาปริญญาโท ทำการศึกษา ค้นคว้า เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าให้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
โดยล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีนโยบายทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการ แต่เนื่องจากในปัจจุบันตลาดสินค้าและบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น เริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมายังประเทศไทย ดังนั้น การสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้โดนใจนักท่องเที่ยวแดนมังกร จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นและหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ
ด้าน น.ส.ฉัฐอำไพ ธงชัย นักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการมหิดล ตัวแทนทีมวิจัย “หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง” เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT กล่าวว่า จากการค้นคว้าข้อมูลพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีน พบว่าปัจจุบันเทรนด์นักท่องเที่ยวจากจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ นิยมเดินทางเป็นกลุ่มด้วยตัวเอง หรือเรียกสั้นๆ ว่า FIT (Free and Independent Traveler) ที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง และในปี 2560 มีแนวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจของไทยที่มีฐานลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทีมวิจัยจึงทำการศึกษาวิจัยทั้งเชิงปริมาณโดยการสอบถาม นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่ม FIT จำนวน 403 คน และเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกอีก 30 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอยู่ในช่วงอายุ 18-35 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึนไป ในหลากหลายอาชีพและรายได้เฉลี่ยต่อเดือนส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 3,000-12,000 หยวน หรือ 15,000-60,000 บาท พบว่า เหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่นิยมเดินทางมาท่องแบบอิสระ เพราะประเทศไทยมีความหลากหลายและบรรยากาศดึงดูดให้มาท่องเที่ยว ที่สำคัญการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย อาหารไทยอร่อย ถูกและดี และคนไทยอัธยาศัยดี มีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการมาท่องเที่ยวเมืองไทยต่อทริป เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-7 วัน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 25,000-50,000 บาทต่อทริป โดยรูปแบบการจ่ายเงินชาวจีนชอบจ่ายค่าสินค้าและบริการ ผ่านธนาคารอินเตอร์เน็ตที่คนจีนนิยม คือ Alipay รองลงมาคือ WeChat pay และใช้เงินสด ตามลำดับ ซึ่งจากการวิเคราห์รายละเอียดเชิงลึกสามารถแบ่งสัดส่วนการใช้จ่าย ของนักท่องเที่ยวชาวจีนแบบอิสระออกเป็น 3 หมวดใหญ่ ได้แก่
หมวดที่ 1 : ชิล คือ การใช้จ่ายในหมวดที่พักและกิจกรรมผ่อนคลาย ในหมวดนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดของการท่องเที่ยว โดยในปัจจุบันที่พักที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแบบอิสระ ไม่ได้จำกัดแค่การพักในโรงแรมเท่านั้นเพราะยังมีช่องทางในการจองที่พักมากมาย ไม่ว่าจะจากเว็บ Travel agency ต่างๆ สำหรับปัจจัยสำคัญที่ช่วยในตัดสินใจเลือกที่พักนั้น ส่วนใหญ่ดูจากการรีวิวและคอมเมนต์ของลูกค้าก่อนหน้าที่เคยใช้บริการ ซึ่งนอกจากราคาไม่แพงมาก ทำเลที่ตั้งต้องเดินทางสะดวก และการบริการของพนักงานแล้ว ยังดูถึงรสชาติของอาหารด้วย และที่ถือเป็นตัวช่วยที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือการมีสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ ประจำที่พัก ซึ่งทำให้เกิดการบอกต่อและอยากมาถ่ายรูปเพื่ออัพลงโซเชียลมีเดีย ส่วนกิจกรรมผ่อนคลายที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบมากที่สุด คือการนวดผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการท่องเที่ยว โดยนอกจากในกรุงเทพฯ แล้ว ตามหัวเมืองท่องเที่ยวเช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
หมวดที่ 2 : ชอป คือ การใช้จ่ายในการซื้อสินค้าไทย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักซื้อไปใช้เอง โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ 1. อาหารไทย 2. ขนมกินเล่น และ 3. เครื่องสำอาง รองลงมาเป็นของฝากและซื้อไปขายต่อตามลำดับ สำหรับปัจจัยที่นักท่องเที่ยวจีนพิจารณาก่อนควักเงินซื้อ คือคุณภาพของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ลวดลายที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย รวมไปถึงการมีคำอธิบายคุณสมบัติและแหล่งที่มาเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ที่สำคัญบรรจุภัณฑ์ต้องสามารถมองเห็นสินค้าภายในได้อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการตลาดโดยนอกจากมีตัวอย่างให้ทดลอง การสื่อสารด้วยข้อความลดราคา แบบ 50% จะสามารถจูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้มากกว่าการสื่อสารแบบซื้อ 1 แถม 1 การจัดโปรโมชันแบบซื้อครบยอดที่กำหนดแล้วได้ส่วนลดหรือได้ของแถมเพิ่ม และอีกเทคนิคมัดใจที่ช่วยเพิ่มโอกาสการในการขายได้มากขึ้น คือการที่พนักงานขายสามารถสื่อสารให้ข้อมูลเป็นภาษาจีน และเลือกพรีเซ็นเตอร์ดาราไทยที่คนจีนชื่นชอบ
หมวดที่ 3 : ชิม คือ การใช้จ่ายในการรับประทานอาหาร ปัจจัยที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เลือกร้านอาหาร คือ 1. ใกล้ที่พัก 2. ใช้เวลาเดินทางไม่นาน 3. คำแนะนำจากเพื่อนและอ่านจากเว็บไซต์ต่างๆ
“จากการศึกษาวิจัยภายใต้หัวข้อ “หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง” เคล็ดลับมัดใจนักท่องเที่ยวจีนสไตล์ FIT สามารถสรุปเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการได้นำไปใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์มัดใจนักท่องเที่ยวจีน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “T-H-A-I” ดังนี้ T : Trust รักษามาตรฐานสินค้าและบริการของไทยให้มีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจ ส่งผลให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ H : Hospitality ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความจริงใจ ให้บริการด้วยอัธยาศัยแบบไทย สร้างความไว้วางใจและรักษาความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง A : Awareness สร้างการรับรู้ กระตุ้นจุดสนใจ ดึงดูดด้วยภาษาจีน สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และ I : Identity สร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจนมีความโดดเด่นและแตกต่าง สร้างแบรนด์ให้มีคุณค่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนระลึกถึง” น.ส.ฉัฐอำไพกล่าว
ทั้งนี้ วิทยาลัยการจัดการมหิดลได้จัดสัมมนาการตลาด “หนีห่าว มาร์เก็ตติ้ง” เคล็ดลับฉบับมัดใจนักท่องเที่ยวจีน (FIT) ภายใต้หัวข้อ “แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำการตลาด” จากผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์และประสบความเสร็จในการเจาะตลาดจีน ได้แก่ คุณจรุงศักดิ์ เฟื่องฟูสิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด(มหาชน) จาก แบรนด์สกินแคร์ SNAILWHITE, คุณณชา จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัท คันนา โกรเซอรี่ส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปเพื่อสุขภาพ KUNNA และ Mr.Zhang Yi ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท Baidu Access ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2560 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้อง 603 ชั้น 6 อาคารมิว วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนวิภาวดีรังสิต
ผู้ประกอบการธุรกิจ นักการตลาด และบุคคลทั่วไปที่สนใจในการทำธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิทยาลัยการจัดการมหิดล หมายเลขโทรศัพท์ 0-2206-2000 หรือเข้าไปที่ www.facebookcom/cmmu.nihaomarketing
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *