เมื่อข้อเสียของการเรียนจบปริญญาเร็วในวัยเพียง 18 ปี ทำให้หลายองค์กรไม่รับเข้าทำงาน จึงต้องหารายได้เสริม เพื่อรอเวลาให้อายุครบ 20 ปีเต็ม ทำให้ “น้องจูน” งัดสูตรเด็ดน้ำซุปแจ่วฮ้อนของครอบครัว มาทำขายเป็นงานอดิเรก แต่ผลลัพธ์กลับดีเกินคาด ยอดขายล้นทะลัก ผู้คนจากหลายจังหวัดขอเป็นตัวแทนจำหน่าย ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ภายใต้ชื่อ “แจ่วฮ้อนบอย”
เอรียา อัตถากร หรือ จูน เจ้าของธุรกิจแจ่วฮ้อนบอย เผยจุดเริ่มต้นจากงานที่คิดจะทำเพื่อรอเวลาสู่ธุรกิจเงินล้านด้วยวัยเพียง 21 ปี ให้ฟังว่า เมื่อเธอเรียนจบด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ อายุ 18 ปี ก็ใฝ่ฝันอยากจะทำงานในบริษัทต่างชาติ เพื่อหาประสบการณ์แต่อายุยังน้อย ทำให้หลายองค์กรที่ต้องการทำงานด้วยไม่เปิดรับ ต้องรอให้อายุครบ 20 ปีเต็ม ในช่วงนั้นเธอจึงไปสมัครเป็นครูสอนศิลปะกับสถาบันแห่งหนึ่ง ทำได้ 6 เดือน ก็ตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกเหนื่อยและรายได้ไม่คุ้มค่า จึงหันกลับมามองในสิ่งที่เคยทำคือการเปิดขายอาหารทานเล่น ตามงาน Art Box และงาน Street Food ต่างๆ แต่ด้วยข้อจำกัดของงานเหล่านั้นจะไม่ได้ให้เปิดขายได้ตลอด ต้องรอมีงานจึงจะมีรายได้ ซึ่งก็ไม่ยั่งยืนนัก
กระทั่งเธอไปเห็นการจัดส่งน้ำซุปแจ่วฮ้อน ที่ถูกจัดส่งทางรถทัวร์ จาก จ.ขอนแก่น มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิต ในปริมาณไม่น้อย จึงเกิดแนวคิดที่จะต่อยอดสูตรแจ่วฮ้อนของครอบครัว ที่รสชาติเด็ดไม่แพ้ใครขึ้นมาบ้าง โดยคิดทำอย่างจริงจัง มีการผลิตและบรรจุในถุงที่มาตรฐาน
“ที่บ้านเรามีสูตรแจ่วฮ้อนที่แสนอร่อยอยู่แล้ว โดยคุณพ่อได้สูตรมาจาก จ.มหาสารคาม ก็มักทำรับประทานที่บ้านเป็นประจำ ใครได้มาลิ้มลองต่างชื่นชมในรสชาติที่มีความแตกต่างจากที่เคยรับประทานมา ซึ่งเรามีการเคี่ยวกระดูกหมูประมาณ 10 ชั่วโมง พร้อมเคี่ยวเอ็นหมู จนละลายหายไป เรียกว่าเคี่ยวเช้าได้รับประทานตอนเย็น เพราะเราพิถีพิถันทุกขั้นตอน ขณะที่น้ำจิ้มคุณแม่จะเป็นผู้ทำ เน้นความแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด ซึ่งหลายคนจะเข้าใจว่าแจ่วฮ้อนก็คือจิ้มจุ่ม แต่ความจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งรสชาติของน้ำซุป และน้ำจิ้ม”
โดยส่วนตัวน้องจูน ยอมรับว่า เธอทำแจ่วฮ้อนไม่เป็น อาศัยเป็นลูกมือเท่านั้น แต่เมื่อคิดจะลองทำธุรกิจนี้เพื่อรอเวลาทำงานในองค์กรที่ใฝ่ฝัน ก็ขอลองเรียนรู้อย่างเต็มที่ เธอหวังเพียงสินค้าขายได้ และมีเงินทุนหมุนเวียนก็เพียงพอแล้ว
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นสินค้าล็อตแรกผลิตออกมา 1,000 ชุด (น้ำซุป+น้ำจิ้ม) ขายในราคาชุดละ 80 บาท คาดการณ์ไว้ว่าภายใน 3 เดือนน่าจะขายหมด แต่เพียงแค่เดือนเดียว 1,000 ชุด ขายหมดเกลี้ยง ได้เงินมา 80,000 บาท เธอดีใจและภูมิใจมากสำหรับก้าวแรกในเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งคนส่วนใหญ่ซื้อไปลองรับประทานเอง ก็ติดใจ ก็รับไปขายต่อ ไปแจก และไปทำบุญ ส่วนข้อได้เปรียบของเมนูอาหารอีสานชนิดนี้อีกอย่างหนึ่ง คือ จะรับประทานคนเดียวไม่ได้ ต้องร่วมกันรับประทานอย่าง 4-5 คน ขึ้นไป ทำให้เกิดปรากฏการณ์บอกปากต่อปาก และติดต่อขอซื้อ “แจ่วฮ้อนบอย” ไปรับประทานบ้าง ซึ่งน้ำซุป 1 ซอง ต้องนำไปผสมน้ำ 1 ลิตร แต่เททีละครึ่งซอง เมื่อรับประทานไปเรื่อยๆ ก็ให้เติมน้ำและน้ำซุปจนหมดซอง ส่วนน้ำจิ้ม 1 ซอง ก็ใส่น้ำซุปลงไปประมาณ 15 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้น้ำจิ้มรสเด็ด
ปัจจุบันลูกค้าของ “แจ่วฮ้อนบอย” แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เซลล์ที่หาสินค้าเด็ดๆ ไปวางจำหน่ายตามร้านขายของฝาก จะสั่งในปริมาณมาก, ผู้บริโภคโดยตรง จากการผ่านช่องทางออนไลน์ และลูกค้าที่มีธุรกิจร้านอาหาร รวมถึงร้านแจ่วฮ้อน ที่หันมาเลือกใช้น้ำซุปแจ่วฮ้อนบอยแทนสูตรเดิม ซึ่งน้ำซุปแจ่วฮ้อนเมื่อบรรจุลงถุงถนอมอาหารแล้ว จะเก็บได้นาน 1 ปี
จุดเด่นของแจ่วฮ้อนบอย อยู่ที่น้ำซุปที่ปราศจากผงชูรส ไร้สารกันบูด เน้นความเข้มข้นของสมุนไพรไทย ทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน และภายในปีนี้จะขอมาตรฐาน อย. GMP และ HACCP เพื่อการเปิดตลาดต่างประเทศ หลังจากการตอบรับดีในไทย ซึ่งที่ผ่านมาภูมิภาคที่มียอดขายดีที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาเป็นภาคกลาง และภาคเหนือ ตามลำดับ ต่อไปเตรียมติดต่อห้างสรรพสินค้าเพื่อวางจำหน่าย หวังให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้เร็วขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศ เธอจัดส่งไปที่ร้านมินิมาร์ท เมืองไคร์สเชิร์ต ประเทศนิวซีแลนด์ เพราะเป็นสถานที่ที่เธอคุ้นเคยจากการไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ส่วนประเทศในแถบเอเชีย คาดว่าจะสามารถจำหน่ายสินค้าไปที่ จีน เกาหลีใต้ ได้ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็ชื่นชอบการรับประทานฮอตพอทที่มีรสเผ็ดเช่นกัน
ขณะนี้ “แจ่วฮ้อนบอย” มีน้ำซุป 2 สูตรให้เลือก คือ น้ำซุปหมู และน้ำซุปเนื้อ (ซองละ 80 บาท) รสชาติเผ็ดกลางๆ ส่วนน้ำจิ้มจะเป็นน้ำจิ้มแจ่ว สูตรดั้งเดิม และน้ำจิ้มแจ่วขม (ผสมดีวัว) ราคาซองละ 20 บาท จัดส่งขั้นต่ำ 3 ชุดขึ้นไป
“เราคิดว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ทำน้ำซุปแจ่วฮ้อนออกมาในลักษณะนี้ ยังไม่ใครทำเพราะค่อนข้างทำยาก ซึ่งจูนจะตั้งใจทำธุรกิจนี้ให้ดีที่สุด เพราะมันโตมาพร้อมกับจูน ฉะนั้นก็ต้องแก่ไปพร้อมกัน ซึ่งยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้การขนส่ง และรับประทานง่ายที่สุด ซึ่งก็คือการทำในรูปแบบของ ‘ซุปก้อน’ และทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารอื่นๆ ออกมา ที่ยังไม่มีใครทำ” น้องจูนกล่าวทิ้งท้าย ถึงความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจแรกในชีวิตของเธอ
***สนใจติดต่อ 09-8828-1816 หรือที่ Facebook: แจ่วฮ้อนบอย***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *