กระต่ายขายหม้อ (Rabbit Pot) ร้านนี้เป็นร้านหม้อไฟสไตล์เกาหลี เมนูเด่นคือ มาม่า (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) เกาหลี และเมนูมาม่า (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) ต้มยำหม้อไฟ ด้วยกระแสของหม้อไฟ บูแดจิกิ ที่มาแรง ส่งให้ “กระต่ายขายหม้อ” ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว....
หลังจากเปิดได้ไม่นาน (ตลาดนัดรถไฟรัชดา) ร้านนี้ก็มีการพูดถึงในกลุ่มคนที่ชื่นชอบเมนูหม้อไฟเกาหลี และใช้เวลาเพียง 2 เดือนก็สามารถคืนทุนหลักแสนบาทจากการลงทุนสาขาแรก และขยายสาขา เพิ่มจากทุนที่ได้จากการเปิดสาขาแรก ปัจจุบันผ่านมา 1 ปี กระต่ายขายหม้อมีอยู่ด้วยกัน 3 สาขา ได้แก่ 1. สาขาตลาดนัดรถไฟรัชดา TRUCK ZONE 2. ตลาดนัดเจเจ กรีน และ 3. BB Market ตรงข้ามเซ็นทรัลเวสต์เกต
มาทำความรู้จัก กระต่ายขายหม้อ ผ่านการบอกเล่าของเจ้าของ “นางสาวณัฐรินทร์ คลอวุฒิอนันต์” สาวดีกรีนักเรียนนอก ที่นำเมนูโปรดที่ตนเองชื่นชอบสมัยอยู่ต่างประเทศมาเป็นเมนูเด่นของร้านกระต่ายขายหม้อของตนเอง พร้อมกับอีกหลายเมนู
“ณัฐรินทร์” (คุณมุก) เล่าว่า เธอทำร้านนี้ขึ้นมาจากความชอบส่วนตัว และต้องการจะมีกิจการที่เป็นของตัวเอง ที่นอกเหนือจากกิจการของครอบครัว และได้มีโอกาสมาเดินเล่นที่ตลาดนัดรถไฟรัชดาอยู่บ่อยๆ เห็นว่ามีคนเดินเยอะ พอดีทางตลาดมีพื้นที่ก็เลยเช่าเปิดร้าน ซึ่งนำเมนูหม้อไฟเกาหลี (บูแดจิกิ) ที่เราชอบทำตอนอยู่เมืองนอกมาปรับเป็นสูตรให้เหมาะกับความชอบของคนไทย และเพิ่มเติมสูตรเมนูอาหารเกาหลีอื่นๆ ที่คนไทยชอบ ได้แก่ ผัดต็อกป๊อกกี้ซอสขาว และผัดต็อกป๊อกกี้ซอสแดง ปีกไก่ทอดเกาหลี ไก่ทอดกับชีสกระทะร้อน และชีสดิปฟองดู
“ส่วนที่มาของชื่อ มาม่าเกาหลี มาจากเราต้องการจะสื่อให้คนไทยเข้าใจง่ายๆ ก็เลยใช้คำว่า "มาม่า" แทนคำว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เรานำมาใช้นำเข้าจากประเทศเกาหลี ส่วน บูแดจิกิ นั้นเป็นเมนูของทหารเกาหลีที่เขาไปออกรบ ดังนั้น ส่วนผสมของบูแดจิกิเป็นส่วนผสมที่เป็นอาหารแห้ง เช่น อาหารกระป๋อง ไส้กรอก และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถ้าเป็นผักก็จะเป็นผักอบแห้ง มาทำเป็นเมนูหม้อไฟ กินระหว่างออกรบ แต่เมนูบูแดจิกิกลับมาได้รับความนิยมหลังจากมีร้านหม้อไฟที่ประเทศเกาหลีนำเมนูนี้มาเปิดเป็นร้านหม้อไฟ และดัดแปลงใช้วัตถุดิบของสดแทน”
สำหรับบูแดจิกิของร้านกระต่ายขายหม้อมีการปรับในเรื่องของวัตถุดิบ เลือกใช้วัตถุดิบที่สด ใหม่ แทนวัตถุดิบบรรจุกระป๋อง หรืออาหารแช่แข็งอย่างต้นตำรับทหารเกาหลี ส่วนของซอสมีซอสโคชูจังนำเข้าจากเกาหลี และนำมาผสมกับสูตรน้ำซอสของเรา จนได้เป็นสูตรซอสโคชูจังที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน
โดยบูแดจิกิของทางร้านจะมีด้วยกัน 3 เซต ได้แก่ ชุดหมู ราคา 259 บาท รับประทานได้ 2-3 คน ชุดเนื้อ ราคา 379 บาท และชุดหมู ซีฟูด ราคา 399 บาท รับประทานได้ 3-4 คน และทางร้านยังได้เอาใจคนไทยด้วยชุดต้มยำ ซึ่งชุดต้มยำนี้ราคาเหมือนกับชุดเกาหลี การทำชุดต้มยำนี้เราจะให้ลูกค้าได้ปรุงรสชาติเพิ่มเติมเอง เพราะคนไทยคุ้นเคยกับเมนูต้มยำอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ทางร้านจัดเครื่องปรุงให้ลูกค้าได้ปรุงรสชาติตามต้องการ
คุณมุกเล่าว่า เขาเปิดร้านแรกก็ได้รับการตอบรับดีมาก สามารถคืนทุนได้เพียง 2-3 เดือน และค่อยเก็บสะสมเงินนำเงินที่ได้มาเปิดสาขาที่ 2 ก่อนค่อยขยายเปิดสาขาที่ 3 โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ส่วนการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์นั้น ตนมีแผนที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการเซตระบบ โดยได้เข้าอบรม หลักสูตรแฟรนไชส์โมเดลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ส่วนของราคาแฟรนไชส์ร้านกระต่ายขายหม้อ คุณมุกบอกว่าตั้งไว้ที่ 100,000 บาท รายละเอียดอื่นอยู่ในระหว่างการเซตระบบ
ในส่วนของลูกค้า ร้านกระต่ายขายหม้อ ขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา โดยสรุปคือ ได้ลูกค้าทุกกลุ่มที่ชื่นชอบเมนูหม้อไฟเกาหลี เช่น ตลาดนัดรถไฟรัชดา และเจ เจ กรีน จะได้คนทำงาน วัยรุ่น ส่วนสาขา BB Market ได้ลูกค้ากลุ่มครอบครัว เพราะเป็นย่านที่พักอาศัย เป็นต้น ซึ่งเมนูที่ได้รับความนิยม คือ มาม่าเกาหลี และไก่ทอดกับชีสกระทะร้อน
สนใจโทร. 08-3018-0450 www.facebook.com/ Rabbit Pot กระต่ายขายหม้อ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
