เมื่อคนรุ่นใหม่ต้องการจะเริ่มต้นธุรกิจ ช่องทาง e-Marketplace นับเป็นอีกทางน่าสนใจ ช่วยสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง-สินค้าเกษตรแปรรูป ภายใต้ชื่อ 'Mulberry Secret' และ 'Kim Kitchen' ผลงานเภสัชกรสาวสวยที่ต้องการมีเวลาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน พร้อมมีรายได้เสริมควบคู่กัน
'Think Big Start Small' หรือ คิดใหญ่ แต่เริ่มจากเล็ก คือ แนวคิดหลักในการทำธุรกิจของ “เบญจวรรณ เลิศสุทธิวงค์” เภสัชกรสาว ที่มีเป้าหมายปลายทางที่จะสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ ทว่า เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ใช้เงินทุนไม่มาก ลดความเสี่ยงจากการเป็นผู้ประกอบการมือใหม่
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง-สินค้าเกษตรแปรรูปทั้งสองแบรนด์ ล้วนเลือกใช้วิธีจ้างโรงงานขนาดใหญ่ผลิตสินค้าตามสูตร และทำตลาดโดยเปิดหน้าร้านออนไลน์ และขายผ่าน e-Marketplace และช่องทางออนไลน์อื่นๆ ซึ่งล้วนลงทุนต่ำ แต่สร้างรายได้งาม
แม้จะมีร้านขายยาใน จ.ฉะเชิงเทรา มาก่อน แต่เมื่อแต่งงานมีครอบครัว ต้องย้ายมาสร้างครอบครัวในเมืองหลวง ก็คิดรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองขึ้น หลังจากขายผลิตภัณฑ์ยาและเวชสำอางของคนอื่นมา 10 ปี
เธอเลือกมองที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพราะเป็นของใกล้ตัว และในช่วงที่ผ่านมาตลาดเครื่องสำอางในไทยมีอัตราเติบโตสูง ประกอบกับความรู้ด้านเภสัชที่ร่ำเรียนมา ทำให้รู้จักคุณสมบัติส่วนผสมของเครื่องสำอางทั้งหมด จึงมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง เน้นที่ส่วนผสมเกรดพรีเมียม และความปลอดภัยเป็นสำคัญ
“โดยส่วนตัวเราเป็นคนผิวแพ้ง่าย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เจอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองจึงคิดทำใช้เอง โดยอาศัยความรู้ด้านเภสัชกรมาผสมผสาน ผลิตภัณฑ์แรกที่ทำออกมาภายใต้แบรนด์ Mulberry Secret คือ Sleeping Mask สำหรับบำรุงผิวหน้าก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก เป็นเนื้อคล้ายพุดดิ้ง โดยส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ลดการเกิดริ้วรอย ใบหน้าขาวกระจ่างใส และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น จากนั้นก็เลือกโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP และ อย. ผลิตตามสูตรที่เราคิดค้นขึ้น”
แต่เมื่อ Mulberry Secret เป็นแบรนด์น้องใหม่ในวงการจึงต้องหาช่องทางจำหน่ายที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด นั่นคือช่องทางออนไลน์ ซึ่งเธอเลือกขายสินค้าผ่านระบบ e-Marketplace เช่น 11 Street , Lazada และ Line ด้วยเงินทุนที่ไม่สูงมากนัก ภายใต้คอนเซ็ปต์การเริ่มต้นธุรกิจด้วย 'Think Big Start Small' ขณะเดียวกันก็ขายผ่านระบบออฟไลน์ ในร้านขายยาของน้องสาวที่ จ.ฉะเชิงเทรา และขายผ่านตัวแทนจำหน่ายด้วย สำหรับ Sleeping Mask สนนราคาที่ 1,290 บาท/กระปุก (ขนาด 30 กรัม)
จากนั้นเธอก็แตกไลน์พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติม คือ สบู่วิตามินซี หลังสำรวจความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับเครื่องสำอางแล้ว จะเน้นที่ใบหน้าขาวใส เป็นธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันสินค้าต้องมีคุณภาพ ปลอดภัย ไม่มีสารอันตรายใดๆ ซึ่งเธอก็สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้เป็นผลสำเร็จ กับ “สบู่วิตซี หน้าใส” (Super C Blink Soap) เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และวัยทำงาน ในราคาก้อนละ 490 บาท
เมื่อคุณเบญได้เห็นข้อดีในการทดลองขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว การมีผลิตภัณฑ์แค่ 2 ตัว อาจไม่เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงแตกไลน์สู่ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทของคนไทยในขณะนี้ โดยเธออาศัยความได้เปรียบจากกิจการของครอบครัว จ.ฉะเชิงเทรา ยึดอาชีพขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร อย่าง อาหารสัตว์ ข้าวสาร และอื่นๆ ทำให้รู้จักเกษตรกร และคุ้นเคยกับผลผลิตทางการเกษตรเป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงเริ่มจากการนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และมะม่วงมาแปรรูปเป็นมะม่วงกวน ภายใต้แบรนด์ “Kim Kitchen” โดยเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ เริ่มจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เลือกขนาดใหญ่ ใช้วิธีการอบแทนการทอด ไม่มีสารกันบูด และผงชูรส ใส่แต่เกลือเพิ่มรสชาติ โดยให้โรงงานขนาดใหญ่ผลิตให้เช่นเดิม
ต่อมาก็นำมะม่วง จาก อ.แปดริ้ว มาแปรรูปเป็นมะม่วงกวน เลือกใช้กระป๋องพลาสติกเป็นแพคเกจจิ้งเพื่อสะดวกในการรับประทาน ขณะที่รสชาติจะเน้นรสชาติดั้งเดิมของมะม่วงในฤดูกาลนั้นๆ จากหลากหลายสายพันธุ์ และเลือกจากสวนเกษตรอินทรีย์ ผลิตด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมะม่วงกวน Kim Kitchen จะใช้มะม่วง 100% ใส่เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย รับประทานแล้วไม่เสียวฟัน เก็บได้นาน 6 เดือน ขายในราคากระปุกละ 150 บาท หรือลูกค้าที่ต้องการนำไปเป็นของฝากทางร้านก็ออกแบบกล่องบรรจุได้ 6 กระปุก ด้วยเช่นกัน
สำหรับข้อดีในการเลือกใช้ช่องทาง e-Marketplace เป็นหน้าร้านนั้น คุณเบญ บอกว่า เป็นการเริ่มต้นที่ของการทำธุรกิจของผู้ประกอบการมือใหม่ เพราะช่วยลดต้นทุน สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงจุด และง่ายต่อการจัดส่งสินค้า แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อด้อยเช่นกัน คือ ต้องกำหนดราคาสินค้าให้ถูกกว่าที่อื่น ทำให้กำไรลดลงไปบ้าง ต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามอนาคตเธอคิดจะขยายตลาดสู่ต่างประเทศนำร่องด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น จีน อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศเออีซี เนื่องจากสภาพผิวค่อนข้างคล้ายคนไทย และผู้คนก็เริ่มให้ความสำคัญในเรื่องความสวยความงาม เชื่อว่าสินค้าที่ดีมีคุณภาพของเธอจะแทรกตลาดเหล่านี้ได้แน่นอน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *