"I am เตี๋ยวเรือ" ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ไม่ธรรมดา เพราะจัดเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเป็นชุดชามใหญ่ โดยจัดแยกน้ำซุป แยกเส้น แยกผักลวก และกากหมู ซึ่งใน 1 ชุดจะมีเส้น 5 ก้อน ลูกค้าสามารถเลือกเส้นได้ถึง 5 ชนิดตามต้องการ
ในส่วนของชุดก๋วยเตี๋ยวนี้ทางร้านได้จัดไว้ 2 แบบ ได้แก่ แบบที่ 1 ราคา 169 บาท มีเส้นให้ 5 ก้อน ซึ่งชุดนี้เมื่อแบ่งเป็นถ้วยเล็กที่ทางร้านขายถ้วยละ 19 บาท ได้ทั้งหมด 10 ถ้วย ส่วนแบบที่ 2 ราคา 299 บาท มีเส้นทั้งหมด 10 ก้อน ชุดนี้เมื่อแบ่งเป็นถ้วยเล็กจะได้ประมาณ 20 ถ้วย
หลังจากได้รู้จักความแปลกใหม่ของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “I am เตี๋ยวเรือ” มาทำความรู้จักกับเจ้าของร้าน “ธนกฤต กาญจนหฤทัย” และ “ปุณณภา กาญจนหฤทัย” สองพี่น้อง ร่วมกันคิดออกแบบร้านก๋วยเตี๋ยวเรือดังกล่าว ด้วยนำแนวคิดก๋วยเตี๋ยวเรือชามยักษ์ที่นิยมกันในขณะนี้มาปรับใช้ ออกมาเป็นชุดดังกล่าว
“ธนกฤต” กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนทำงานประจำได้ประมาณ 3 ปี แต่การทำงานประจำ เงินเดือนไม่พอ อยากลองหาธุรกิจส่วนตัว ในส่วนของน้องสาว เรียนจบมาขายของทางอินเทอร์เน็ต มีเวลาว่าง ก็เลยคิดกันว่าจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ที่เลือกเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเพราะแม่มีสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวเรือที่อร่อยมาก มั่นใจว่าหากเราเปิดร้านน่าจะขายได้
อย่างไรก็ตาม ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือมีเปิดกันมากมาย ถ้าไม่มีอะไรเป็นจุดขายคงจะเรียกลูกค้าได้ยาก ในช่วงแรก ตนเองและน้องสาวจึงได้เกิดไอเดียการเสิร์ฟเป็นชุดแบบแยกน้ำ แยกเส้น แยกผัก มาเป็นจุดขายเรียกลูกค้า ผลตอบรับในเดือนแรกไม่ได้เป็นที่พอใจมากนัก จนกระทั่งมีนักชิมจากเวบไซต์หนึ่ง เห็นว่าร้านเรามีไอเดียแปลก ก็ได้มาลองชิมก๋วยเตี๋ยว ซึ่งชื่นชอบในรสชาติ ได้นำไปเขียนแนะนำผ่านคอลัมน์ในเว็บไซต์ของเขา ซึ่งเป็นความโชคดีของเรา ที่นักชิมคนนี้ได้เข้ามาชิม เพราะเขามีชื่อเสียงและมีคนติดตามเขาผ่านทางหน้าเว็บไซต์จำนวนมาก ทำให้เราได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จากยอดขายวันละ 2,000 บาท เพิ่มเป็นวันละหลายพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งเป็นชุดมากถึง 60-70% เพราะทางร้านไม่ได้มีแค่ชุดเท่านั้น แต่มีก๋วยเตี๋ยวชามเล็กเหมือนก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วๆ ไป ชามเล็กขายชามละ 19 บาท และชามใหญ่ 39 บาท และลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก จากการที่ได้มากิน และถ่ายรูปนำไปแชร์ต่อในเฟซบุ๊ก ทำให้ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อเสียของการเสิร์ฟเป็นชุดคือ น้ำที่ไม่ได้ร้อนตลอดเพราะไม่ได้ใช้หม้อไฟ ทำให้ลูกค้าที่กินช้าอาจจะไม่ได้ก๋วยเตี๋ยวที่ร้อนสม่ำเสมอ แต่ลูกค้าจะได้ความคุ้มค่ากว่ากินชามเล็ก ดังนั้น ถ้าลูกค้าที่มาหลายคนก็จะสั่งเป็นชุดมากิน และที่ทางร้านไม่เสิร์ฟหม้อไฟเพราะกลัวลูกค้าจะนั่งนาน พื้นที่มีจำกัด ถ้าลูกค้ามาจำนวนมาก พื้นที่ไม่พอรองรับ แต่ถ้าเสิร์ฟเป็นชามใหญ่ ลูกค้ากลัวน้ำซุปจะไม่ร้อนก็จะรีบกิน
“ปัจจุบันมี 2 สาขา คือ ที่สาขาแฮปปี้แลนด์ ถนนลาดพร้าว และได้มาเปิดสาขาที่ 2 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปากซอยอุดมสุข 25 ถนนสุขุมวิท การที่เราสามารถเปิดสาขาได้ถึง 2 สาขา ส่วนหนึ่งมาจากผลตอบรับที่ดีของสาขาแรก สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 3-4 เดือน จากเงินลงทุนที่ลงไปสาขาแรกประมาณ 3 แสนบาท ทำให้เรามั่นใจในการขยายสาขาเพิ่ม และในอนาคตถ้าสาขาที่ 2 อยู่ตัว มีรายได้อย่างที่ต้องการ ก็มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่ม ซึ่งเราคงจะไม่ขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะน้องสาวกังวลกลัวว่าคนที่ซื้อแฟรนไชส์ไป และนำไปปรับสูตร ทำให้เสียมาถึงสาขาต้นแบบได้”
สำหรับการบริหารกิจการของร้านทั้ง 2 สาขาไม่ได้เข้าไปทำเอง เพราะนำระบบไอทีมาใช้กับการเก็บเงิน ควบคู่กับระบบกล้องวงจรปิด ทำให้ไม่ต้องมาเฝ้าร้าน แต่สามารถให้ลูกน้องดูแลร้านแทนได้ และตัวเองสามารถไปทำอย่างอื่นได้ “ธนกฤต” เล่าว่า การทำธุรกิจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวครั้งนี้ถือว่าไม่ผิดหวัง ถึงแม้ว่าจะลงทุนสูง แต่สุดท้ายสามารถทำเงินให้เราได้มากกว่าการทำงานประจำมากถึง 3-4 เท่าตัว และช่วยให้เรามีเวลาว่างอยู่กับครอบครัวได้มากขึ้น
ที่สำคัญได้อาชีพที่ค่อนข้างแน่นอนกว่าการทำงานประจำ เพราะไม่รู้ว่าบริษัทจะเลิกจ้างเราเมื่อใด
สนใจโทร. 0-9923-2905 www.facebook.com/ I am เตี๋ยวเรือ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *