เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องเงินของชาวไทยภูเขาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เมื่อถูกนำมาพัฒนาในเรื่องลวดลาย และเทคนิคขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัยขึ้น จะกลายเป็นสินค้าส่งออกที่ชาวต่างชาติหลงใหล ภายใต้ชื่อ “ดอยซิลเวอร์” อ.ปัว จ.น่าน แถมยังเป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินและเครื่องประดับที่ดีที่สุดในไทย และเลื่องชื่อในสหรัฐอเมริกา
จากครอบครัวที่ผลิตเครื่องเงินในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลัวะ อิ้วเมี่ยม เย้า และม้ง ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ มาจนถึงทายาทรุ่นที่ 4 ได้สานต่อ และทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อ 30 ปีที่แล้ว “นางพิมพร รุ่งรชตะวานิช” รองประธานบริษัท ดอยซิลเวอร์ จำกัด และที่ปรึกษาคลัสเตอร์เครื่องเงิน จ.น่าน เผยจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ให้ฟังว่า การทำเครื่องเงินได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษสู่รุ่นหลานที่เป็นชาวไทยภูเขา ซึ่งครอบครัวของสามี (นายสมชาย รุ่งรชตะวานิช) เป็นผู้ผลิตเครื่องเงินรายใหญ่ในหมู่บ้าน ซึ่งเครื่องเงินชาวไทยภูเขาจะใช้กันตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งสินสอดในงานแต่งงาน โดยลายที่ใช้คือ 'ลายกระดูกงู'
กระทั่งทายาทรุ่นที่ 3 คือคุณพ่อของนายสมชาย คือ “นายจั้นต้อง รุ่งรชตะวานิช” ได้มีโอกาสไปทำเครื่องเงินร่วมกับช่างที่ศูนย์ศิลปาชีพจิตรลดา พร้อมทั้งเคยร่วมถวายงานที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ และพระตำหนักภูพาน จ.อุบลราชธานี ทำให้มีประสบการณ์ด้านการทำเครื่องเงินกว้างขึ้น
จากนั้นนายสมชายก็ได้รับโอกาสฝึกงานที่ศูนย์ศิลปาชีพจิตรลดาเช่นกัน โดยฝึกอยู่ประมาณ 3 เดือนก็นำความรู้ที่ได้รับ กลับมาพัฒนางานเครื่องเงินให้แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนมากขึ้น จนถึงปัจจุบันรวมกว่า 32 ปีแล้ว เดิมทีมีลูกน้องที่ช่วยงานทำเครื่องเงินเพียง 1-2 คนเท่านั้น ปัจจุบันเพิ่มกว่า 100 คน เป็นคนในชุมชน และในจำนวนนั้นมีช่างฝีมือประมาณ 40-50 คน ที่พร้อมถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจ
ปัจจุบันตลาดหลักเครื่องเงินของดอยซิลเวอร์อยู่ในต่างประเทศประมาณ 80% โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อ (OEM) ซึ่งมีการส่งช่างฝีมือต่างชาติมาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคนิคต่างๆ และอุปกรณ์ที่ช่วยผลิตชิ้นงานได้ง่ายและมีคุณภาพ ทำให้เครื่องเงินของดอยซิลเวอร์เป็นที่ยอมรับในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ประมาณ 20% ใน อ.ปัว จ.น่าน และร้านจำหน่ายที่ศูนย์โอทอป อ.เมืองน่าน
ผลิตภัณฑ์เครื่องเงินดอยซิลเวอร์พัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องให้มีความทันสมัยและคุณภาพเพื่อการส่งออก รวมถึงยังเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เครื่องเงินด้วยการฝังเพชร พลอยบนตัวเรือนเครื่องประดับเงิน ชุบเงินและชุบทอง เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นอกจากคุณภาพเป็นที่ยอมรับของบรรดาลูกค้าทั้งไทยและเทศแล้ว หน่วยงานภาครัฐยังการันตีด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จากการที่สามารถควบคุมกระบวนการผลิตเครื่องเงินที่ได้มาตรฐาน และยังเติบโตเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ขึ้นชั้นเป็นต้นแบบธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าไทยและต่างประเทศจำนวนมาก ส่งผลทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายแสนเหรียญสหรัฐ
“จุดเด่นของเราคือการนำเอาลวดลายเครื่องเงินที่ชื่อว่า กระดูกงู มาพัฒนาเป็นเครื่องประดับหลากหลายชนิด เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน กำไล ต่างหู กระเป๋า และการทำเครื่องเงินตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งลายที่ขายดีคือ ลายกระดูกงู หลังเต่า และเครื่องประดับฝังพลอยโดยใช้เงินแท้ 100% ส่งผลให้ยอดส่งออกโตประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา จากยอดขายประมาณปีละ 33 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดสหรัฐฯ และแคนาดา 80% ส่วนตลาดในประเทศอีก 20% วางจำหน่ายที่ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม และภูเก็ต รวมถึงการออกงานแสดงสินค้าโอทอปปีละ 2 ครั้ง” นางพิมพรระบุ
อนาคตเธอเตรียมมอบหมายงานให้แก่ลูกชายที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาดูแลตลาดต่างประเทศ เล็งขายไปยังประเทศแถบยุโรป ซึ่งนิยมเครื่องประดับที่มีขนาดเล็กกว่าลูกค้าในสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย เตรียมเจาะตลาดสิงคโปร์ ที่ชื่นชอบเครื่องประดับเงินอยู่ไม่น้อย
นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สามารถดึงเอกลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอดเป็นสินค้าส่งออกได้อย่างน่าชื่นชม และเชื่อว่าคงจะมีผู้ประกอบการอีกหลายรายใช้เป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจของตนให้ถึงฝั่งฝันได้เช่นเดียวกัน
***สนใจติดต่อ 0-5479-1650, 08-1568-2434 และ 08-1884-6352 หรือที่ Facebook: doisilverfactory***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
