หน่วยงานรัฐบาลกว่า 50 แห่ง ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อน “ร้านค้าและตลาดประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชน” มุ่งสร้างเศรษฐกิจจากรากฐาน ผลักดันเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รองรับไทยแลนด์ 4.0 ตั้งเป้าปลุกเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นกว่า 125,000 ล้านบาทต่อปี สร้างงานให้ชาวบ้านกว่า 260,000 อัตรา
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกว่า 50 หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนร้านค้าและตลาดประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชน ว่ารัฐบาลต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจจากระดับรากฐานให้เติบโตขึ้น เพื่อผลักดันไทยแลนด์สู่ยุค 4.0 โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเชื่อมโยงเครือข่าย ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ ระบบการบริหารจัดการ เพื่อเป็นกลไกในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ 35,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินทุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 79,566 กองทุน วงเงินไม่เกินกองทุนละ 500,000 บาท เพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในหมู่บ้านและชุมชน หวังสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นของรัฐบาล
“ตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ยังไม่พอใจ รัฐบาลจึงต้องเดินหน้านโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ โดยพัฒนาให้เกษตรกร มีฐานะดีขึ้นทั้งระบบ ผลิตสินค้าออกมาแล้วมีตลาดรองรับ ดังนั้น ได้มอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบไปช่วยดูแลการขายสินค้าโอทอป การสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าถึงในหมู่บ้านชุมชน” รองนายกฯ ระบุ
อย่างไรก็ตาม เมื่อประชาชนมีความเข้มแข็งจึงสามารถเลือกคนดีมีความสามารถมาช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยการดึงอาสาประชารัฐมาอบรม บริหารจัดการ ค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านมูลนิธิสัมมาชีพทำโครงการร่วมกับกองทุนหมู่บ้าน “สัมมาประชารัฐ” เพื่อดีไซน์เว็บขายสินค้าออกไปทั่วโลกและชุมชนพัฒนาเป็นผู้ประกอบการ โดยจะให้เริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลหวังให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นกลไกหลักสำคัญพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ การช่วยเหลือเกษตรกร พัฒนาไปสู่ธุรกิจเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความสมดุลของภาคการผลิตและการค้า ใช้กระบวนการประชารัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ อีกทั้งมีอาสาสมัครประชารัฐกว่า 240,000 คนคอยติดตามและสนับสนุนโครงการต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จตามแนวทางประชารัฐ ทำให้หลายชุมชนสามารถจัดตั้งตลาดและร้านค้า ส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชนได้สำเร็จ ปัจจุบันมีร้านค้าชุมชนถึง 19,270 แห่ง และตลาดชุมชนอีก 1,359 แห่ง นำเงินจากกองทุนมาจัดตั้งและเริ่มดำเนินการได้จริง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การพัฒนาตลาดและร้านค้าครั้งนี้ ไม่ใช่การพัฒนาเหมือนเดิม แต่เป็นมิติในการพัฒนานำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือเติมการบริหารจัดการเข้าไป เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญในชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจึงร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ริเริ่มแนวคิด “ตลาดและร้านค้าประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชน” ผ่าน 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1. การส่งเสริมให้สมาชิกกองทุนใช้เทคโนโลยีช่วยบริหารจัดการภายในตลาดและร้านค้าชุมชน เพื่อจัดทำบัญชีในร้านอย่างเป็นระบบ 2. การให้ผู้ผลิตสินค้าในชุมชนมีช่องทางจำหน่ายสินค้าและเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสินค้าที่สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 3.การพัฒนาระบบบัตรสมาชิกตลาดและร้านค้าชุมชนให้เป็นระบบและมีศักยภาพ สามารถใช้สร้างกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ 4. การระบบวิเคราะห์ข้อมูล ความต้องการสินค้าในชุมชน เพื่อมีสินค้าหลากหลาย และยังนำสินค้าสดมาวางจำหน่าย และ 5. การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้แก่สมาชิกผู้ประกอบการตลาดและร้านค้าชุมชนให้มีความสามารถในการต่อยอดกิจการ
ด้านนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐที่ร่วมลงนาม จะช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยมีเป้าหมายเดียวกัน ควบคู่ไปกับการเร่งจัดหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของสมาชิกกองทุนทั้งในระดับพื้นฐานและระดับสูง รวมถึงการคัดสรรสมาชิกที่มีศักยภาพสูงเพื่อต่อยอดให้เป็นต้นแบบความสำเร็จและสร้างแฟรนไชส์ขยายผลทั่วประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีติดปีกสู่ความสำเร็จในยุคดิจิตอล เพื่อทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 125,000 ล้านบาทต่อปี สร้างงานให้ประชาชนในชุมชนกว่า 260,000 อัตรา
ด้านนายนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ในส่วนของธนาคาร พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าและตลาดประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชนอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการเงิน และเสริมสร้างโอกาสทางการตลาดไปสู่กลุ่ม CLMV เป็นต้น
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *