ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชูเส้นใยกัญชง วัตถุดิบสิ่งทอสร้างสรรค์ ตอบโจทย์กระแสการเลือกหาวัสดุใหม่ของแบรนด์ระดับโลก และกระแสรักธรรมชาติของผู้บริโภคปี 2017 ล่าสุดกัญชงได้รับอนุญาตให้ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้แล้วในไทย บนพื้นที่ 15 อำเภอ 6 จังหวัดของภาคเหนือ เชื่อจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและนักออกแบบสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่นอื่น
นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันวงการแฟชั่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หลากหลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ให้ความสำคัญต่อการเลือกวัตถุดิบที่แปลกใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ของตนเอง ประกอบกับหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงของผู้บริโภคในปี 2017 คือกระแสรักธรรมชาติ และการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ เน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ผ้าฝ้ายออร์แกนิก เส้นใยไผ่ ไหม ลินิน เส้นใยสับปะรด รวมไปถึงเส้นใยกัญชง ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย หลากหลายแบรนด์ชั้นนำ เช่น หลุยส์วิตตอง (Louis Vuitton) เฟนดิ (Fendi) ได้ผลิตคอลเลกชันพิเศษที่ใช้ใยกัญชงเป็นวัสดุหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีของเมืองไทย ที่มีประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และผลิตเป็นเส้นใยป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมของโลกต่อไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เส้นใยกัญชงมีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มได้แข็งแรงกว่าฝ้าย ดูดซับความชื้นได้ดีกว่าไนลอน ให้ความอบอุ่นได้มากกว่าลินิน สีติดคงทนกว่าผ้าฝ้าย ป้องกันรังสียูวี สามารถทนความร้อนได้ถึง 170 องศาเซลเซียส และคุณลักษณะโครงสร้างของเส้นใยกัญชงยังสามารถนำไปผลิตเนื้อผ้าที่บางได้เท่าที่ต้องการ จากคุณสมบัติต่างๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเส้นใยกัญชงมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สวมใส่เย็นสบายในหน้าร้อน ขณะเดียวกันก็ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว ส่งผลให้ผ้าที่ทอจากเส้นใยกัญชงจะมีราคาสูงแต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ที่มีอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบัน แบรนด์สินค้าชั้นนำของโลกได้มีการนำเส้นใยกัญชงไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว เช่น ผลิตภัณฑ์รองเท้าจากแบรนด์ไนกี้ (Nike) อดิดาส (Adidas) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) รวมถึงกระเป๋าจากแบรนด์เฟนดิ (Fendi) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กัญชงในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้กัญชง หรือแฮมพ์ ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถปลูกเชิงอุตสาหกรรมได้แล้ว โดยใช้ปลูก 6 จังหวัด 15 อำเภอ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ แม่วาง แม่ริม สะเมิง และแม่แจ่ม จังหวัดเชียงราย 3 อำเภอ ได้แก่ เทิง เวียงป่าเป้า และแม่สาย จังหวัดน่าน 3 อำเภอ ได้แก่ นาหมื่น สันติสุข และสองแคว จังหวัดตาก ที่อำเภอพบพระ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง หล่มเก่า และเขาค้อ จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่อำเภอเมือง โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศ 1 ปี ซึ่งเชื่อว่าการที่กัญชงได้รับการอนุญาตให้สามารถปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างเป็นทางการแล้วนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SMEs และนักออกแบบในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงธุรกิจแฟชั่นอื่นๆ เพื่อสามารถผลิตและออกแบบสิ่งทอที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น
ทั้งนี้ เส้นใยกัญชงเป็นหนึ่งในวัสดุสำหรับการออกแบบ ที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้รวบรวมไว้ในฐานข้อมูลของห้องสมุดวัสดุเพื่อการออกแบบ หรือ Material Connexion® Bangkok จากวัสดุทั่วโลกกว่า 8,000 ตัวอย่างวัสดุมาไว้ในแหล่งเดียว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs และนักออกแบบเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานและผลิตภัณฑ์ต่างๆ พร้อมได้สัมผัสกับตัวอย่างวัสดุจริง รวมถึงยังมีการอัปเดตเทรนด์ของวัสดุจากทั่วโลกอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบรู้เท่าทันเทรนด์การออกแบบและความต้องการในตลาดโลก
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *