กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจับมือจังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการผลิต การใช้นวัตกรรม ผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์แก่ผู้ประกอบการไทย ชี้ไทยมีศักยภาพเป็นฐานบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิต หวังยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เตรียมดันความร่วมมือ CLMV รับการขยายตัวอุตสาหกรรมปี 60
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในปี 2560 กสอ.ได้ร่วมมือกับจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการผลิต มีการใช้นวัตกรรมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การเพิ่มมาตรฐานด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจากปัจจัยสนับสนุนที่ดีเหล่านี้ กสอ.จึงได้จัดกิจกรรมนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ภายใต้โครงการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs ในภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวนักลงทุนญี่ปุ่นได้ลงความเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมที่จะเป็นฐานบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตเพื่อยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน สามารถผลิตสินค้าที่โรงงานในประเทศไทยได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อช่วยลดต้นทุนลอจิสติกส์ด้านการขนส่งสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการในจังหวัดฟุกุโอกะมีการลงทุนในประเทศไทยทั้งสิ้น 70 ธุรกิจ เกิดการเจรจาความร่วมมือด้านธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับฟุกุโอกะแล้วกว่า 500 เคส อย่างไรก็ตาม กสอ.มั่นใจว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ในลักษณะ win-win ให้กับภาคอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ พร้อมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อทั้งการค้าและการลงทุนในประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ จากแนวโน้มที่ดีในการขยายตัวของอุตสาหกรรมในปี 2560 กสอ.ยังได้ร่วมมือกับประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเป้าหมายแรกที่ต้องส่งเสริมให้เกิดการร่วมมือกันอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง โดยได้ตั้งเป้าความร่วมมือกับประเทศกัมพูชาในด้านอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป สปป.ลาวเป็นการร่วมมือในด้านพลังงาน ส่วนพม่าเป็นความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมอาหาร ก่อสร้าง เครื่องมือการเกษตร และเวียดนามจะเป็นการร่วมมือในด้านอุตสาหกรรม สิ่งทอ และชิ้นส่วนยานยนต์
ล่าสุด กสอ.ได้เริ่มลงนามความร่วมมือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพพม่า เพื่อยกระดับความร่วมมือการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาผู้ประกอบการระหว่างสองประเทศ โดยการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหภาพพม่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในด้านการพัฒนา SMEs และภาคอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพม่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีนโยบายเปิดประเทศและสนับสนุนให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้าไปลงทุน มีการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมีเส้นทางคมนาคมขนส่งต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งในอนาคตจะเป็นเส้นทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญของโลกอีกแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ ในความร่วมมือนั้นมุ่งเป้าส่งเสริมการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่นๆ เช่น ผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม เป็นต้น
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *