เมื่อธุรกิจขายเสื้อผ้าไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง ทำให้คิดหาอาชีพอื่นแทน จึงเลือกทำซาลาเปา ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือใช้อุปกรณ์ไม่ยุ่งยาก ลงทุนไม่สูง สามารถหาสูตรและวิธีการทำได้จากอินเทอร์เน็ต แต่เนื้อแป้งกลับแข็งเร็ว จึงไปรื้อสูตรเก่าของมารดาที่เคยจดไว้มาลองทำ สุดท้ายมาลงตัวที่ซาลาเปาแป้งนุ่ม ส่วนไส้ไปลงเรียนเพิ่มเติม สู่แบรนด์ “บ้านเปานุ่ม”
วสันต์ ตะเพียนทอง เจ้าของธุรกิจบ้านเปานุ่ม ย้อนที่มาธุรกิจนี้ให้ฟังว่า เขายึดอาชีพค้าขาย รวมถึงการขายเสื้อผ้า ซึ่งกิจการก็ไม่ค่อยเติบโตนัก จึงคิดว่าต้องหาอาชีพอื่นทำแทน จึงมองไปที่ของกิน เพราะเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนขาดไม่ได้ รวมถึงยังไม่ต้องลงทุนในเรื่องอุปกรณ์มากนัก สามารถใช้สิ่งของที่มีในครัวได้ ขณะที่ขั้นตอนการทำซาลาเปาก็สามารถค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ต
แต่เมื่อได้ทดลองทำจริงๆ สูตรแป้งกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะแป้งจะแข็งเร็วมาก จึงไปเปิดสูตรขนมของมารดาที่เคยจดไว้ในสมุด และหนึ่งในนั้นมีสูตรซาลาเปารวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสูตรแป้งนุ่ม เขาจึงเลือกทำซาลาเปาจากสูตรนี้ ขณะที่ในส่วนของไส้ก็ไปเรียนเพิ่มเติม ที่ศูนย์ฝึกอาชีพสวนลุมเป็นคอร์สพื้นฐาน และนำมาปรับรสชาติที่ตนเองชื่นชอบ
ทำเลแรกที่เขาเลือกไปขายซาลาเปา คือ ตลาดนัดตอนเช้า ที่ท่าน้ำคลองสาน เนื่องจากเป็นถิ่มเดิมที่เคยขายเสื้อผ้ามาก่อน ทำให้รู้จักกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และคิดว่าซาลาเปาเป็นของว่างที่น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ โดยช่วงแรกเป็นการทำซาลาเปาแป้งขาวธรรมดา เน้นการจัดร้านดูสะอาดตา โดยนำโต๊ะไปตั้งขาย พร้อมนำลังถึง (ซึ้ง) ที่ทำจากไม้ไผ่ไปตั้งเพื่อดึงดูดลูกค้า ขณะที่ซาลาเปาก็เลือกใช้กล่องพลาสติกใสบรรจุซาลาเปาแต่ละลูก แทนการใส่ถุงพลาสติกทั่วไป ซึ่งวันแรกทำซาลาเปาไปขาย 300 ลูก ก็ขายหมดในเวลาไม่นาน เกิดแรงฮึดและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาซาลาเปาแบรนด์ “บ้านเปานุ่ม” ต่อไป
“การขายซาลาเปาวันแรกเพียง 300 ลูกก็ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะยึดอาชีพนี้ โดยมีการพัฒนาไส้ซาลาเปาอย่างต่อเนื่อง เช่น ไส้ครีม ถั่วดำ หมูแดง หมูสับไข่เค็ม ชาเขียว ชานม และช็อกโกแลต ส่วนจุดเริ่มต้นพัฒนาเป็นซาลาเปาแฟนซีนั้นเกิดจากความบังเอิญ ที่เราลองนำมาปั้นตา จมูก หู เพื่อสื่อถึงความเป็นไส้หมู สะดวกต่อการจดจำก่อนหยิบขายให้ลูกค้า กลับได้ผลตอบรับดี ทำให้ออกแบบซาลาเปาเป็นตัวการ์ตูนอื่น อย่าง คิตตี้ (ไส้ครีม), ไก่ (ไส้ไก่เทริยากิ) เป็ด (ไส้ชานม), มินเนียน (ไส้ชาเขียว), โปเกมอน (ไส้ครีมส้ม) และโดราเอมอน (ไส้คัสตาร์ดครีม) เป็นต้น”
เมื่อซาลาเปามีความเป็นแฟนซี ก็มีบรรดาแม่ค้ารับไปจำหน่ายต่อบ้าง เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่บ้านเปานุ่มเริ่มจากซาลาเปาแป้งขาวธรรมดา สู่ซาลาเปาแฟนซีที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่รสชาติและเนื้อแป้งก็ไม่เป็นรองใคร ใครได้ชิมต้องมีการซื้อซ้ำ ทำให้ปัจจุบันคุณวสันต์ผันตัวเองมาเป็นผู้ผลิตซาลาเปาแฟนซีแบบเต็มตัว และพัฒนาในส่วนของรูปลักษณ์ซาลาเปาไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล จะทำซาลาเปาเป็นคอลเลกชันตามเทศกาลดังกล่าว เช่น วันคริสต์มาส วันปีใหม่ วันแม่ วันวาเลนไทน์ และล่าสุด เป็น 'วันตรุษจีน' เขาออกแบบซาลาเปารวม 6 ลูก บรรจุในกล่องสวยงาม เป็นรูปอาตี๋ (ไส้หมูสับ) อาหมวย (ไส้ครีมนมสด) อย่างละ 1 ลูก, ไก่ทอง (ไส้ถั่วแดง) และส้มมงคล (ไส้ครีมส้ม) อย่างละ 2 ลูก ซึ่งขณะนี้มียอดการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สนนราคาเพียงกล่องละ 120 บาท
ส่วนการซื้อไปจำหน่ายต่อทางร้านจะส่งซาลาเปาในรูปของการแช่แข็งจัดส่งได้ทั่วไทย โดยรับไปจำหน่ายต่อในราคาลูกละ 20 บาท หรือลูกค้าสนใจที่จะลงทุนในลักษณะคู่ค้าของร้านบ้านเปานุ่มก็ใช้เงินลงทุนเพียงหลักพัน ก็จะได้ป้ายชื่อร้าน และสั่งซื้อซาลาเปาเบื้องต้นเพียง 1 ลังเท่านั้น จากจุดเด่นของซาลาเปา ที่นอกจากแป้งจะนุ่มเป็นพิเศษแล้ว ไส้ยังเยอะ รูปแบบสวยงามแปลกตา ปราศจากสารกันบูด กันเสีย สามารถเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้ 5 วัน และแช่แข็งได้นาน 10 วัน ซึ่งปัจจุบันบ้านเปานุ่มมีกำลังการผลิตที่ 3,000-4,000 ลูก/วัน
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตบ้านเปานุ่มจะพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ซาลาเปาแฟนซีสวยสมจริงที่สุด เพราะมั่นใจในเรื่องแป้งและไส้ที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งต่อไปจะทำเป็นแป้งโฮลวีท พร้อมไส้ไก่พริกไทยดำ เอาใจคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ รวมถึงจะปรับเปลี่ยนตัวการ์ตูนตามกระแสฮิต
แม้จะเคยเห็นผ่านตามาบ้างกับซาลาเปาแฟนซี แต่ก็มีหลายรายที่ต้องปิดตัวลง จากการหาจุดขายที่โดดเด่นไม่ได้ ดังนั้นหากใครคิดจะทำธุรกิจ คุณวสันต์บอกว่าควรหาจุดขายของตัวเองให้เจอ ให้คนจดจำได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการคงรักษาคุณภาพให้เสมอต้นเสมอปลาย และตั้งใจทำธุรกิจนั้นให้ดีที่สุด
***สนใจติดต่อ 09-0949-4565 หรือที่ www.facebook.com/baanpaonoom***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *