xs
xsm
sm
md
lg

“MARUTI” ลบภาพ “ถั่วทอง” ในอดีต สร้างทางเลือกใหม่ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถั่วทอง MARUTI ในแบบต่างๆ
ถั่วทอง GOLDEN BEAN เป็นการนำถั่วเขียวมากะเทาะเปลือก ซึ่งเป็นหนึ่งในขนมโบราณที่คนในวัย 30-40 ปีจะคุ้นเคยกันดีกับภาพถั่วทองในถุงยาวมัดเป็นพวงๆ รสชาติเค็มๆ มันๆ ของถั่วเขียวกะเทาะเปลือกที่ผสมกับเกลือ สร้างความทรงจำดีๆ ให้กับหลายคนที่เคยได้สัมผัส
นายศักดา ปคุณปัญญา เจ้าของ
เช่นเดียวกับ “คุณศักดา ปคุณปัญญา” ยังคงจำภาพของถั่วทองในถุงยาวได้เป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เองจึงได้คิดทำถั่วทองในแบบของตัวเองขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คนที่ชื่นชอบขนมชนิดนี้ โดยคัดเลือกถั่วเขียวเม็ดใหญ่ คุณภาพดี มาทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว ทำให้ได้ถั่วทองที่กรอบฟู ไม่แข็งกระด้าง และการทอดด้วยน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ไม่มีกลิ่นหืน และเก็บได้นาน

คุณศักดาเล่าว่า ได้เริ่มทำถั่วทอง หรือถั่วเขียวกะเทาะเปลือก มาได้ประมาณ 1 ปี เริ่มต้นมาจากครอบครัวทำธุรกิจค้าส่งเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ลูกเดือย งาดำ งาขาว และถั่วเหลือง ซึ่งทำมานานกว่า 30 ปี ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปีหนึ่งหลักหลายสิบตัน

จนกระทั่งวันนี้อยากมีกิจการเพิ่มเติมจากการขายส่งธัญพืช มองว่า ในเมื่อเรามีวัตถุดิบ คือ ถั่วเขียว ที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว ก็น่าจะลองย้อนอดีตทำถั่วทองออกมาจำหน่าย และที่ผ่านมาทราบกันดีอยู่ว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มธัญพืชส่วนใหญ่จะทำออกมาขายในกลุ่มของคนรักสุขภาพ แต่ถั่วทองที่ขายทั่วไปยังมีข้อด้อยอยู่หลายอย่างที่ยังไม่สามารถเข้าไปในกลุ่มของคนรักสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นความกรอบในแบบที่แข็งกระด้าง และถ้าเก็บไว้นานจะมีกลิ่นหืน และที่สำคัญคือถั่วเม็ดเล็ก

ดังนั้น หลังจากได้ศึกษาตลาด นำข้อด้อยเหล่านั้นมาปรับเพื่อจะทำให้ถั่วทองภายใต้แบรนด์ MARUTI เข้าไปอยู่ในกลุ่มของคนรักสุขภาพได้ ด้วยการปรับหลายจุด เริ่มตั้งแต่กระบวนการเลือกวัตถุดิบ อย่างถั่วเขียวที่คุณภาพดี เมล็ดใหญ่ นำเข้าจากออสเตรเลีย และเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันปาล์มในการทอด เพราะน้ำมันมะพร้าวไม่มีคอเลสเตอรอล และเก็บได้นานโดยไม่มีกลิ่นหืน

ทั้งนี้ หลังจากได้ถั่วเขียวกะเทาะเปลือก ทอดอย่างที่ต้องการ ได้ทำการศึกษาว่าในตลาดถ้าเป็นของทอดแบบนี้น่าจะเหมาะกับรสชาติแบบไหน สุดท้ายมาลงตัวใน 6 รสชาติก่อน ได้แก่ รสดั้งเดิมทอดและใส่เกลือ หรือรสคลาสสิก และหลังจากนั้นเริ่มพัฒนารสชาติอื่นๆ ตามมา เช่น วาซาบิ, ต้มยำ, ปาปริกา, โนริสาหร่าย และล่าสุดทำรสออริจินัล (ถั่วทอดไม่ได้ปรุงรส) และเติมต้นหอมและพริกอบแห้ง ซึ่งเป็นรสชาติที่ลูกค้าต้องการให้ทำ ส่วนที่มามาจากการยำถั่วของอาบังขายถั่วนั่นเอง
ถั่วเขียว ก่อน และหลังกะเทาะเปลือก
นอกจากรสชาติที่ลงตัวแล้ว ในส่วนของแพกเกจจิ้งเป็นตัวหนึ่งที่เจ้าของให้ความสำคัญ เพราะการขายครั้งนี้ไม่ได้ลงไปแข่งกับถั่วทอดที่ใส่ถุงขาย แต่เป็นการยกระดับกลุ่มคนรักสุขภาพที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ และมองหาของกินเล่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงได้ปรับแพกเกจจิ้งด้วยการนำบรรจุลงในขวด น้ำหนัก 40 กรัม ขายในราคาขวดละ 25 บาท ซึ่งตอนนี้มีขนาดเดียว ราคาเดียว เพราะเป็นช่วงแนะนำสินค้า ถ้าในอนาคตขายได้มากขึ้น มีลูกค้าประจำมากขึ้นจะเพิ่มแบบถุงเพื่อให้ลูกค้าได้ราคาที่ถูกลง

ต้องยอมรับว่าราคาที่เราขายวันนี้ไม่ได้บวกมากเลย เนื่องจากเราเป็นรายใหม่ที่เข้ามาทำตลาด ไม่รู้ว่าลูกค้าจะให้การตอบรับมากน้อยแค่ไหน ก็เลยไม่กล้าบวกมากนัก ซึ่งมีผลต่อการขยายตลาด เพราะการเข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า หรือซูเปอร์มาร์เกตดังๆ เขามีค่าวางสินค้า หรือค่าการตลาดที่เราต้องจ่าย และกำไรที่ไม่ได้มาก ดังนั้น การนำสินค้าเข้าไปขายแบบนั้นเราก็ต้องคิดให้มาก เพราะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเลือกช่องทางการขายในกลุ่มร้านเพื่อสุขภาพเป็นหลัก เช่น ร้านคลีนฟู้ด ที่โรงพยาบาลศิริราช ร้านบ้านลูกชุบ และเลมอนฟาร์ม เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัด ได้ตัวแทนจำหน่าย แล้วในหลายจังหวัด ซึ่งตัวแทนในต่างจังหวัดมาจากการที่เราได้ไปร่วมออกบูทในงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และถั่วทอง MARUTI นี้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ SMEs อัจฉริยะด้วย
มีทั้งหมด 6 รสชาติ ในแพคเกจจิ่ง พร้อมจำหน่ายราคา 25 บาท 40 กรัม
สนใจโทร. 08-1766-7582

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น