ด้วยวัยแค่ 24 ปี “ปฏิวัติ อินทร์แปลง” ก้าวสู่เจ้าของ “ฟาร์มอินทร์แปลง” ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ แบรนด์ ‘In milk’ ที่โดดเด่นด้วยการนำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนผสมช่วยเพิ่มคุณประโยชน์แก่ร่างกาย พร้อมนำความรู้การเลี้ยงวัวนมจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ในฟาร์ม ช่วยยกระดับคุณภาพนมสู่ระดับพรีเมียม ส่งผลให้ตลาดตอบรับอย่างดียิ่ง
เส้นทางสู่เจ้าของฟาร์มวัวนม เริ่มตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 มีอายุเพียง 14 ปี เมื่อสูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวจากอุบัติเหตุ ส่วนคุณแม่ยึดอาชีพรับจ้าง วันหนึ่งมีรายได้แค่ร้อยกว่าบาท ไม่เพียงพอที่สองแม่ลูกจะดำรงชีวิต คุณตาจึงมอบวัวนมให้มาเลี้ยง 1 ตัว พร้อมถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงและรีดนมวัว เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบอาชีพ หารายได้เสริม
“ผมจำได้ว่า เริ่มขายนมวัวสดวันแรก เมื่อ 11 สิงหาคม 2548 โดยใช้วิธีรีดด้วยมือ ได้น้ำนม 8 ลิตร นำไปต้มแล้วบรรจุขวด ขายแถวๆบ้าน ปรากฏว่า ขายหมดอย่างรวดเร็ว ได้เงินมากกว่าค่าจ้างรายวันของแม่เสียอีก ทำให้เห็นช่องทางหารายได้ ผมเลยบอกกับผมว่า เรามาขายนมสดกันดีกว่า ตั้งแต่นั้น ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ผมก็รีดนมไปขาย กลับจากโรงเรียนก็จะมาดูแลวัว” เขาเผยจุดเริ่มต้นอาชีพ
เหตุการณ์สำคัญที่สุดของชีวิตที่ผลักดันให้หนุ่มคนนี้ ยึดมั่นจะเลี้ยงวัวนมแบบอินทรีย์ เกิดขึ้นเมื่อทราบว่า พระตำหนักสวนจิตรลดามีโครงการมอบวัวแก่เกษตรกร จึงเขียนจดหมายขอพระราชทาน โดยเล่าถึงการต่อชีวิตของตนเองกับแม่ ในที่สุด ได้รับพระราชทานวัวนมมาให้ 1 ตัว ถือเป็นความดีใจจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ และตั้งใจนับแต่นั้นเป็นต้นมาว่า จะยึดอาชีพเกษตรกรเลี้ยงวัวนมคุณภาพดีด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ ตามแนวทางของในหลวง ร.๙
หนุ่มน้อยกับแม่ช่วยกันประกอบอาชีพทำฟาร์มวัวนมเล็กๆ ขายน้ำนมในท้องถิ่น จนหลังจบ ม.6 นับเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต เมื่อแม่ประสบอุบัติเหตุกระดูกแขนหัก ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เขาตัดสินใจจะไม่เข้าเรียนในระบบมหาวิทยาลัยปิดเหมือนเพื่อนๆ หันมาเลือกเส้นทางเป็นเกษตรกรทำฟาร์มวัวนมเต็มตัว โดยนำเงินเก็บทั้งหมดทำโรงเลี้ยง และสร้างฟาร์ม ในชื่อ “ฟาร์มอินทร์แปลง” เพื่อจะส่งน้ำนมเข้าสหกรณ์โคนมจังหวัดชุมพร จำกัด
“ตอนที่ผมจบชั้น ม.6 และกำลังจะสมัครเรียนต่อสัตวแพทย์ แม่ผมประสบอุบัติเหตุรถล้มกระดูกขาด้านซ้ายแตกต้องนอนพักรักษาตัวถึง 3 เดือน ผมเลยตัดสินใจไม่เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยปิดเหมือนเพื่อนๆ หันมาลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมๆ กับเดินหน้าดูแลฟาร์มเต็มตัว ซึ่งทั้งเพื่อน ทั้งครูบางท่านไม่เข้าใจในการตัดสินใจของผม มักถามผมว่า “จะเลี้ยงวัวจริงๆหรือ?” บางคนก็ล้อว่าเป็น “เด็กเลี้ยงวัว” คำพูดเหล่านี้มันวนเวียนและกระทบจิตใจผมมาก ชีวิตวัยรุ่นของผมไม่มีแล้ว แต่ผมก็บอกตัวเองว่า เราเลือกแล้วที่จะเป็นเกษตรกรเลี้ยงวัวนม” ปฏิวัติ เผย
อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงวัวเพื่อรีดนมส่งสหกรณ์ฯ เพียงอย่างเดียว เขาพบว่า มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถจะกำหนดราคาขายได้เอง แนวทางที่จะสร้างความยั่งยืนได้มากกว่า คือ สร้างตลาดขายนมสดได้ด้วยตัวเอง ควบคู่กับแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า
จากแนวคิดดังกล่าว เขามุ่งหาความรู้ยกระดับการทำฟาร์มให้ได้น้ำนมคุณภาพดี และแปรรูปน้ำนม จากอินเตอร์เน็ต อบรมตามหลักสูตรต่างๆ จากนั้น นำมาลองผิดลองถูก จนได้เป็นนมสดสูตรของตัวเอง ติดแบรนด์ ‘In milk’ มีรสชาติต่างๆ เช่น รสจืด รสชาเขียว รถช็อกโกแลต และรสกาแฟ เป็นต้น เริ่มส่งขายภายใน จ.ชุมพร เมื่อ พ.ศ.2556 ก่อนจะขยายสู่จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี ระนอง ภูเก็ต และเกาะสมุย เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังสร้างความโดดเด่นด้วยการสร้างรสชาติใหม่ นำ “ตะไคร้” และ “ใบเตยหอม” มาผสมกับนมสดเป็นสูตร “นมสดสมุนไพรไทย” คุณสมบัติช่วยบำรุงหัวใจ และเลือดลม รวมถึง มีกลิ่นหอมนวลแบบธรรมชาติ ดื่มแล้วช่วยผ่อนคลาย ถ้าอุ่นร้อน ดื่มก่อนนอนจะหลับสบาย ซึ่งไอเดียดังกล่าว สร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการ จนคว้ารางวัลชนะเลิศ ได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท จากโครงการ "ออมสิน สุดยอดแนวคิดธุรกิจวิถีไทย" ซึ่งมีผู้เข้าประกวดกว่า 1,600 ทีมทั่วประเทศ
กระบวนการเลี้ยงวัว เพื่อให้ได้น้ำนมคุณภาพดีที่สุดนั้น เขาเผยว่า นำความรู้จากการเดินทางไปดูงานที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น แหล่งผลิตนมสดชื่อดังของโลกมาปรับใช้ จนเกิดเป็นสูตรสำเร็จประจำฟาร์มอินแปลง มีหัวใจหลักอยู่ 2 ด้าน ได้แก่ 1.อาหารที่ใช้เลี้ยงวัวเป็นชีวภาพทั้งหมด อย่าง “หญ้า” ควบคุมการปลูกเอง ส่วน “อาหารข้น” ใช้วัตถุดิบจากแหล่งออแกนิกต่างๆ มาผสมเอง ไม่มีใส่สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น
2.วิธีการเลี้ยงแบบประณีต เช่น ให้อาหารวันละ 8 ครั้ง ในขณะที่ฟาร์มวัวทั่วไปให้อาหารวันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งการให้อาหารบ่อยครั้ง มีข้อดีที่แม่วัวจะได้กินอาหารสดใหม่เสมอ และกินได้มากกว่าปกติ ส่วนผู้เลี้ยงมีโอกาสดูแลแม่วัวได้ใกล้ชิด คอยสังเกตความผิดปกติได้ตลอดเวลา นอกจากนั้น จะเลี้ยงวัวแบบปล่อยตามธรรมชาติ และให้นอนบนพื้นยางพารา มีสเปรย์น้ำ และเปิดเพลงให้วัวฟัง เหล่านี้ ช่วยให้วัวมีความสุขสบาย อารมณ์ดี สุดท้ายน้ำนมที่ออกมาคุณภาพจะดีตามไปด้วย
“ถึงแม้ต้นทุนราคาอาหารชีวภาพจะสูงกว่าอาหารเม็ดเคมี แต่เมื่อเอาน้ำนมจากฟาร์มของผมไปตรวจวัดคุณภาพในห้องแล็ป ผลออกมาคุณภาพเหนือกว่าน้ำนมของวัวที่เลี้ยงด้วยเคมีมาก ทำให้นมของฟาร์มผม ขายได้ราคาสูงกว่าและมีตลาดรองรับแน่นอน ซึ่งมองในระยะยาว การเลี้ยงตามแนวทางชีวภาพจะคุ้มค่ามากกว่า” โคบาลหนุ่ม กล่าวเสริม
ฟาร์มอินแปลงได้รับมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) หรือมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีจากกรมปศุสัตว์ ถือเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวแห่งเดียวใน อ.เมือง จ.ชุมพร ที่ผ่านมาตรฐานดังกล่าว และยังเป็นแห่งเดียวใน จ.ชุมพร ที่มีการแปรรูปน้ำนมสดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ นมสดพาสเจอร์ไรส์ ตามด้วยโยเกิร์ต และชีส อีกทั้ง เมื่อต้นปี 2559 ยกระดับใช้ระบบ “ไปป์ ไลน์" (PIPE LINE) รีดนมวัวด้วยท่อสแตนเลสโดยไม่ผ่านอากาศ ข้อดี คือ สะอาด สะดวก และที่สำคัญรวดเร็ว ควบคุมการทำงานได้เบ็ดเสร็จในจุดเดียว ช่วยยกระดับให้นมมีคุณภาพดีขึ้นไปอีก
จากความโดดเด่นดังกล่าว นมสดจากฟาร์มอินแปลง เป็นที่ต้องการของลูกค้าอย่างสูงขึ้นขั้นผลิตไม่ทัน ปัจจุบัน มีปริมาณผลิตน้ำนมได้ ราว 500 ลิตรต่อวัน มีช่องทางขาย แบ่งเป็น 50% ส่งนมดิบเข้าโรงแรม 5 ดาวต่างๆ ในภาคใต้ อีก 30% แปรรูปเป็นนมสดพาสเจอร์ไรส์ ประมาณ 1,000 ขวดต่อวัน กระจายขายในร้านค้าต่างๆ ในภาคใต้ และอีก 20% แปรรูปเป็นโยเกิร์ต และชีส ส่งตามร้านอาหารต่างๆ เฉลี่ยสร้างรายได้ประมาณ 300,000 บาทต่อเดือน
“นมสดคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของตลาดมาก อย่างของฟาร์มอินทร์แปลง น้ำนมดิบขาย 25 บาทต่อลิตร สูงกว่าราคาน้ำนมในตลาดทั่วไปที่อยู่ประมาณ 19 บาทต่อลิตร แต่ลูกค้ายอมจ่ายสูงกว่าเพื่อแลกกับคุณภาพ ยิ่งถ้าแปรรูป มูลค่าเพิ่มเป็นกว่า 40-50 บาทต่อลิตร” ปฏิวัติ ระบุ
แม้ใน “ฟาร์มอินทร์แปลง”จะทำครบวงจร ตั้งแต่เลี้ยงจนถึงแปรรูป กลับใช้ทีมงานทั้งหมดเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ที่ทำเช่นนี้ได้ เกิดการวางระบบลักษณะที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ผลผลิตต่างๆ ภายในฟาร์ม สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100% เช่น มูลวัวมาทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น
จากเริ่มต้นวัวนม 1 ตัว บนพื้นที่เลี้ยง 1 ไร่ 3 งาน ทุกวันนี้ ฟาร์มของหนุ่มวัย 24 ปี เลี้ยงวัวนมเพิ่มถึง 60 ตัว แบ่งเป็นวัวรีดนม 30 ตัว ที่เหลือเป็นวัวเลี้ยง สำหรับขายในราคาตัวละ 60,000 บาท ด้านพื้นที่เลี้ยง ขยายเป็น 6 ไร่ และด้วยความต้องการของตลาดที่มีอีกมาก ได้ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน มูลค่า 6 ล้านบาท โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน เพื่อจะซื้อวัวเพิ่มอีก ตั้งเป้าว่าภายในปีนี้ (2560) จะเพิ่มปริมาณผลิตน้ำนมให้ได้วันละอย่างต่ำ 1,000 ลิตร รวมถึง มีผลิตภัณฑ์นมสดแปรรูปเพิ่มเติม เช่น ไอศกรีม เป็นต้น
“มาถึงวันนี้ ผมว่า ตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่จะเดินหน้าทำฟาร์มเต็มตัว มีฟาร์มเล็กๆ ที่มากด้วยคุณภาพและโนฮาวน์ที่ผมสร้างขึ้นจากความชอบและแรงบันดาลใจของผม มันเป็นสิ่งที่ผมจะสร้างได้ไม่รู้จบไปตลอดชีวิตของผม มันมีค่ามากกว่าเงิน และที่สำคัญ ผมได้อยู่บ้าน ได้ดูแลแม่ ได้กินข้าวกับแม่ทุกวันทุกมื้อ มันเป็นความสุขที่หาอะไรมาเทียบไม่ได้” หนุ่มวัย 24 ปี กล่าว
“ส่วนคนที่อยากจะมายึดอาชีพเป็นเกษตรกรบ้าง ควรถามใจตัวเองก่อนว่า รักจริงหรือเปล่า ถ้าอยากทำ เพราะมีเป้าหมายเรื่องเงินเป็นอันดับแรก ผมคิดว่ายากจะสำเร็จ แต่ถ้าทำด้วยใจรัก และพัฒนาจนได้คุณภาพดีจริงๆ สินค้าจะเป็นที่ต้องการของตลาด แล้วเรื่องรายได้จะตามมาเอง” เขา ทิ้งท้าย
นับเป็นต้นแบบของเกษตรยุคใหม่ มุ่งสร้างคุณภาพ คู่พัฒนาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ช่วยสร้างศักยภาพให้อาชีพแข็งแกร่ง และเดินหน้าสู่ความยั่งยืน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
