เป็นเรื่องปกติของธุรกิจที่ต้องส่งไม้ต่อให้เจนเนอเรชั่นรุ่นต่อไป อยู่ที่ว่าเจนฯ ต่อไปจะเดิมตาม หรือพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แต่ไม่ว่าจะเลือกหนทางใด สองทายาทธุรกิจ “อ้วยอันโอสถ” และ “ศรีจันทร์” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าระหว่างการ 'คงรักษา' กับ 'พลิกโฉม' ก็ล้วนนำพาธุรกิจให้รอดและฟื้นแบรนด์ให้กับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
เมื่อธุรกิจ “ยาสมุนไพร” กับ “เครื่องสำอาง” ที่ครองตลาดมากว่า 6 ทศวรรษ ถึงคราวส่งไม้ต่อให้ทายาทธุรกิจเจนเนอเรชั่น 3 ความต่างในแนวคิดการบริหารของสองธุรกิจนี้มีความน่าสนใจ เพราะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
@@@'อ้วยอัน' คงสูตรพร้อมพัฒนา@@@
เริ่มจากแนวคิดของผู้บริหารอ้วยอันโอสถ หนุ่มนักธุรกิจไฟแรง ดีกรีนักเรียนนอก ผู้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจากมารดาให้สานต่อธุรกิจครอบครัว“ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ” กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ทายาทรุ่น 3 เลือกพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ยาอมลูกลอน ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และนิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการไอเจ็บคอ ด้วยการสร้างแบรนด์ 'อ้วยอันโอสถ' ให้กลับมาเป็นที่รู้จักในตลาดอีกครั้ง จากเดิมมีหลายแบรนด์ที่จำหน่ายในท้องตลาด แต่ผู้บริโภคไม่เคยจดจำแบรนด์เลย
“ผมเลือกผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์อ้วยอันก่อน นั่นคือยาอมสมุนไพร 7 รส ที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง มีจำหน่ายตามร้านขายทั่วประเทศ แต่หากสอบถามผู้บริโภค จะไม่สามารถจำแบรนด์ที่เลือกซื้อได้ จากรูปลักษณ์ภายนอกของประปุกใสขนาดเล็กบรรจุยาอมเม็ดสีดำ เมื่อดูเผินๆ ก็เหมือนกันไปหมด ฉะนั้นการสร้างแบรนด์จึงถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ถัดมาก็ต้องปฏิวัติในเรื่องของแพคเกจจิ้งให้แตกต่างและน่าสนใจ”
@@@ยาอม Mr.Hreb บังเกิด@@@
หลังจากทายาทรุ่นก่อนได้สร้างรากฐานในเรื่องคุณภาพยาอม 7 รส มาเป็นอย่างดี ถึงคราวเจนฯ 3 ต้องพัฒนาให้คงอยู่ต่อไป เริ่มจากสร้างความต่างด้วยบรรจุภัณฑ์ เป็นยาอม Mr.Hreb ในถุงซิปล็อค รสชาติต่างๆ ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาให้กลิ่นและรสชาติถูกปาก อย่าง รสทับทิม ขิงผสมมะนาว โชว์จุดเด่นในเรื่องกลิ่นที่เมื่อเปิดซองก็ได้กลิ่นในรสชาตินั้นๆ ชวนรับประทาน ส่งผลยอดขายโตแบบก้าวกระโดด สามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้แบบลอยลำ ไปยัง ออสเตรีย อิสราเอล โรมาเนีย มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท/ปี รวมถึงผลิตยาชนิดอื่นๆ เน้นตัวยาสมุนไพรออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาคอส (Cozz) ช่วยให้นอนหลับสบาย, ยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็ก สูตรไร้แอลกอฮอร์ พร้อมพัฒนายาแคปซูลขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ควบคู่กันไปด้วย
@@@สร้างกระบวนการผลิตสู่มาตรฐานสากล@@@
เรื่องกระบวนการผลิตถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้คุณภาพและสรรพคุณของตัวยาที่อ้วยอันสั่งสมมายาวนาน เพราะหากจะก้าวไกลในตลาดโลก การผลิตต้องได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น GMP, PIC/S, อย. หรืออื่นๆ ทางอ้วยอันมีหมด พร้อมทั้งนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้การผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะยาที่ได้ผ่านกรรมวิธีสกัดเข้มข้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังพัฒนาระบบเอกสารที่ชัดเจนและสามารถสนับสนุนทางผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศในการขึ้น ทะเบียนสินค้าอย่างถูกกฎหมาย สินค้าที่มีการส่งออกไปต่างประเทศ ได้แก่ ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร สไปรูลิน่า และมะรุม ในอนาคตจะมีแผนการขยายตลาดในประเทศในกลุ่ม AEC โดยที่ทายาทธุรกิจหนุ่ม ไม่คิดนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ ขอเพียงคงรักษาธุรกิจของบรรพบุรุษให้คงอยู่ต่อไป
ถัดมาเป็นทายาทธุรกิจอย่าง “ศรีจันทร์” ขอปฏิวัติธุรกิจแบบไม่ทิ้งคราบรูปแบบที่คุ้นชิน คงไว้เพียงแบรนด์ศรีจันทร์...
@@@แบรนด์ 'ศรีจันทร์' จะไม่เป็นเพียงตำนาน@@@
ในวัยเพียง 7 ปี ของ “รวิศ หาญอุตสาหะ” ถือเป็นครั้งสุดท้ายในวัยเด็กที่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ย่างกรายเข้าไปที่โรงงานผลิตผงหอมศรีจันทร์ของอากง (ปู่) แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เขาดำรงตำแหน่งระดับสูงมีเงินเดือนถึงขั้นหลายคนต้องอิจฉากลับทิ้งทุกอย่าง ตัดสินใจฟื้นธุรกิจของบรรพบุรุษที่ใกล้ดับแสง กลับมาเจิดจรัส เพียงแค่ได้มีโอกาสเข้าไปเห็นจุดกำเนิดแป้งหอมศรีจันทร์อีกครั้ง ก็ไอเดียบรรเจิดอยากเพิ่มมูลค่าเครื่องจักรอันทรงพลังเหล่านี้
“ตอนเป็นเด็กผมเข้าไปที่โรงงานครั้งสุดท้ายตอน 7 ขวบ และไปอีกครั้งตอนที่แม่ให้ผมขับรถไปรับคุณปู่ที่โรงงาน ซึ่งผมจำเส้นทางไม่ได้แล้ว แต่เมื่อไปถึงโรงงานก็ยังเห็นคุณปู่ยังทำงานอยู่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับผงหอมศรีจันทร์ที่ท่านรัก ซึ่งผมคิดว่าหากไม่มีใครสานต่อธุรกิจนี้ต้องปิดฉากลงอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่เครื่องจักรบางตัวยังใช้ประโยชน์ได้”
'18 บาท' เป็นราคาจำหน่ายผงหอมศรีจันทร์ต่อ 1 กระปุก ที่ “รวิศ” มองว่า คงอีกนานกว่าจะนำกำไรเพียงไม่กี่บาทมาฟื้นธุรกิจได้ แถมยังมีจำหน่ายเฉพาะภาคใต้ บาร์โค้ดไม่มี ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงอุตสาหกรรม และอย่างนี้ธุรกิจจะเติบโตได้อย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น รวิศ ปฏิวัติทุกอย่างเริ่มจากการจัดระเบียบข้อมูล ทำสต๊อก ระบบบัญชี สร้างแบรนด์ ทำตลาดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ด้วยการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ จากเดิมเลือกใช้ของในประเทศ 100% มารังสรรค์เป็น 'แป้งฝุ่น ศรีจันทร์ ทรานส์ลูเซนต์ พาวเดอร์' (translucent loose powder ) มีศูนย์นาโนเทคแห่งชาติ (นาโนเทค) ร่วมวิจัยสูตร อีกทั้งการออกแบบสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่เน้นสไตล์วินเทจ การสร้างภาพยนต์โฆษณา
“เราเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้า ภายใต้แบรนด์ไทย แต่ผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นแต่เราก็เลือกที่จะสร้างความแตกต่างในเรื่องคุณภาพที่ชัดเจน แทนการประทับสลากบนแพคเกจจิ้งว่า Made in China”
ปัจจุบันผู้บริหารผงหอมศรีจันทร์ ยังไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากหลักสิบบาทสู่หลักพันไปเรียบร้อยแล้ว และเร็วๆ นี้เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้เร็วที่สุด หวังลบภาพ Family Busimess พร้อมก้าวทะยานสู่ความเป็นสากล ด้วยแบรนด์สัญชาติไทยแท้
แม้วิสัยทัศน์ของ 2 ผู้บริหารเลือดใหม่ผู้มีไฟเต็มเปี่ยม จะเลือกเส้นทางสานต่อธุรกิจบรรพบุรุษที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ผลลัพธ์ก็ผลิดอกออกผลเป็นที่น่าพอใจ พิสูจน์ได้จากการกล่าวขวัญถึงการปฏิวัติแบรนด์ และคุณภาพที่โดดเด่นในวงกว้าง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *