กระแสรถร้านขายอาหารเคลื่อนที่ หรือฟู้ดทรัค (food truck) ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จุดกระแสให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่หลายรายสนใจเลือกใช้เป็นช่องทางสร้างอาชีพ แน่นอนว่า เมื่อมีผู้เข้าสู่วงการจำนวนมาก ย่อมต้องมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว
“เอกวุฒิ วัตนะเสน” หรือ “อะตอม” หนุ่มวัย 26 ปี เป็นอีกหนึ่งคนที่เข้าสู่วงการ โดยนำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่น “ข้าวหน้าแกงกะหรี่” ชื่อร้าน “กะหรี่ INDY” โดยฉายเดี่ยวทำเองแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะประกอบอาหาร ขาย เสิร์ฟ เตรียมวัตถุดิบ เก็บตั้งร้าน ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยการวางแผน ประกอบกับเรียนรู้จากสถานการณ์จริง นำมาปรับจนเหมาะสม
อะตอม เกริ่นนำว่า เมื่อตอนอายุ 22 ปี มีโอกาสไปทำงานในครัวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นของเพื่อน ที่เมืองฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำอยู่ประมาณ 2 ปี ได้เรียนรู้วิชาทำอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด และหลังเมื่อกลับมาเมืองไทย ยังได้ทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงแรมระดับ 5 ดาว นอกจากนั้น ยังเรียนวิชาการทำอาหารต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งอาหารไทย และยุโรป ดังนั้น จึงมีพื้นฐานความรู้ทำอาหารได้หลากหลายประเภท
จนเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว เมื่อตัดสินใจจะทำฟู้ดทรัค โดยเลือกขาย “อาหารญี่ปุ่น” เนื่องจากจับกระแสคนไทยนิยมเมนูอาหารจากดินแดนอาทิตย์อุทัยสูงมาก ส่วนที่เจาะจงเป็นเมนู “ข้าวหน้าแกงกะหรี่” เพราะคนไทยรู้จักดีอยู่แล้ว กินได้ง่าย และราคาไม่สูงเกินไป ที่สำคัญสามารถจัดเตรียมการประกอบอาหารล่วงหน้าได้ ช่วยให้ง่ายและสะดวกต่อการขาย สามารถทำคนเดียวได้ อีกทั้ง คู่แข่งที่ขายเมนูนี้แบบฟู้ดทรัค มีไม่มาก ทั้งวงการไม่เกิน 5 ราย
“ผมเคยเปิดสอนการทำเมนูซูชิด้วย แต่คิดว่าซูชิไม่เหมาะที่ขายในฟู้ดทรัค เนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบของสดจำนวนมาก เสี่ยงที่ของจะเสียสูง เลยคิดมาเป็นเมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่ ที่คนไทยคุ้นเคยดีอยู่แล้ว แต่ผมปรับสูตรให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น ลดกลิ่นเครื่องเทศ ปรับใช้ “ข้าวหอมมะลิ” แทน “ข้าวญี่ปุ่น” ส่วนเนื้อสัตว์ต่างๆ ผมก็คิดสูตรหมักเอง ได้รสชาติที่อร่อยต่างและเป็นเอกลักษณ์” เอกวุฒิ เผยและเสริมว่า
“ก่อนจะทำฟู้ดทรัค “กะหรี่ INDY” ผมวางแผนล่วงหน้าว่า จะต้องทำโดยพึ่งตัวเองให้มากที่สุด ถึงไม่มีลูกน้องมาช่วย ก็สามารถทำคนเดียวได้ เพราะคนทำฟู้ดทรัค หรือร้านอาหารหลายรายเลย ต้องปิดกิจการไปเพราะลูกน้องลาออก” เขาระบุ
การวางแผนเพื่อจะสามารถขายอาหารบนฟู้ดทรัคได้ด้วยตัวคนเดียวนั้น หนุ่มอารมณ์ดี แจกแจงให้ฟังว่า ใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนเลือกซื้อรถ มุ่งยี่ห้อที่มีศูนย์บริการครอบคลุมที่สุด หาอะไหล่ซ่อมได้ง่าย เผื่อกรณีขับรถเดินทางไปออกร้านในต่างจังหวัด หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถมีปัญหา อย่างน้อยสามารถจะหาที่ซ่อมได้ง่ายกว่า
ประการต่อมา แต่งรถให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด คำนึงถึงการใช้งานให้ง่าย สะดวก และประหยัดเวลา ซึ่งจุดนี้ อาศัยประสบการณ์เคยทำงานในครัวของโรงแรมและร้านอาหารมาก่อน สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างสูง ทุกส่วนบนตัวรถ ออกแบบช่วยให้การปรุงอาหารบนฟู้ดทรัคสะดวกไม่ต่างจากทำในครัวปกติเลย
“รถบรรทุกยี่ห้อต่างๆ ที่ขายในท้องตลาด จะมีแบบที่แต่งสำเร็จรูปเป็นร้านแล้ว กับเป็นรถเปล่าต้องนำไปแต่งเอง ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แบบแต่งสำเร็จ ทุกอย่างจะเป็นมาตรฐาน สามารถออกรถ แล้ววิ่งไปขายอาหารได้เลย แต่ก็มีข้อเสีย คือจะไม่มีฟังค์ชั่นที่เหมาะสมเป็นการเฉพาะ ส่วนการนำแต่งรถเอง ข้อดีได้ร้านที่เหมาะกับการทำงานจริง แต่ข้อเสียคือลงทุนสูงกว่า และต้องหาช่างที่ทำงานได้ดีด้วย”
“สำหรับรถของผม เบ็ดเสร็จลงทุนไปกว่า 7 แสนบาท แบ่งเป็นค่ารถ ประมาณ 4 แสนกว่าบาท ที่เหลือเป็นค่าแต่งรถ ซึ่งผมจะออกแบบเองทั้งหมด ให้เหมาะกับการทำงานของเรามากที่สุด เช่น มีตู้แช่เย็นสำหรับเก็บวัตถุดิบ มีเตาให้ใช้ได้ 2 ระบบทั้งไฟฟ้าและแก๊ส สำรองเตรียมไว้เหมาะในแต่ละสถานที่ที่จะไปขาย ขั้นวางเครื่องปรุงต่างๆ อยู่ตำแหน่งหยิบง่ายสะดวกมือ รวมถึง ภายนอกทำสีรถเป็น “สีทอง” สร้างความโดดเด่นให้ลูกค้าจำได้ง่าย” อะตอม อธิบาย และเผยต่อว่า
ข้อดีของเมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่ คือ สามารถเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ในลักษณะกึ่งสำเร็จรูปได้ โดยในช่วงกลางคืนจะไปหาซื้อวัตถุดิบต่างๆ ที่ซูเปอร์มาร์เกตและตลาดสด นำมาทำเตรียมไว้ เช่น เคี่ยวน้ำราดแกงกะหรี่เตรียมในหม้อไว้ก่อน ส่วนพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งเนื้อหมูทงคัตสึ ไก่คาราเกะ หรือกุ้งชุบแป้งทอด เตรียมเสร็จแล้วบรรจุถุงพลาสติกเก็บในตู้แช่เย็น รวมถึง เครื่องเคียงต่างๆ จะเตรียมไว้เสร็จ
โดยการทำงานที่หน้าร้านวันขาย เมื่อถึงสถานที่ นำน้ำราดมาอุ่น ส่วนเนื้อต่างๆ จะทอดต่อเมื่อลูกค้ามาสั่ง จากนั้น ตักข้าวแล้วราดน้ำแกงกะหรี่ ก็เป็นอันเสร็จ โดยเฉลี่ยในการประกอบอาหาร 1 จาน ใช้เวลาแค่ 1-2 นาที ซึ่งจากประสบการณ์เปิดร้านที่ผ่านมา ด้วยการจัดเตรียมวัตถุดิบที่พร้อม เคยขายให้ลูกค้าได้สูงสูดวันละกว่าพันราย
“ประสบการณ์จากที่ผมเคยทำงานในร้านอาหารช่วยการบริหารจัดการคิวทำอาหารได้มาก เช่น มีลูกค้ามาสั่งพร้อมกัน 4-5 ราย ลูกค้าก็จะเขียนเมนูที่ต้องการลงในใบออเดอร์ ซึ่งในใบจะระบุชื่อและลำดับคิวด้วย จากนั้น ผมจะนำออเดอร์มาแปะเรียงกัน แล้วคิดคำนวณว่า ควรจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง เช่น เอาเนื้อสัตว์ลงทอด ช่วงที่รอสุก ก็ไปตักข้าว จัดจาน พอเนื้อสุกก็พร้อมเสิร์ฟได้ทันที ผมก็จะเรียกชื่อลูกค้าให้มารับอาหารและจ่ายเงินสดตามคิว ส่วนจานช้อนซ้อนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งเลย ไม่ต้องเสียเวลาเก็บล้าง” อะตอม แจกแจงให้ฟังถึงกระบวนการทำงานคนเดียว แต่บริการลูกค้านับพันรายต่อวันได้
นอกจากนั้น แม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ ก็มีส่วนช่วยให้สามารถทำงานคนเดียวได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อย่างโต๊ะและเก้าอี้ เลือกใช้ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เพื่อช่วยผ่อนแรง และประหยัดเวลาในการตั้งและเก็บร้าน
เจ้าของแบรนด์ “กะหรี่ INDY” กล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะทำฟู้ดทรัค ต้องคิดก่อนว่า จะหา “ทำเล” อย่างไร โดยปัจจุบัน จะมีทำเลที่นิยมอยู่ 2 ประเภท คือ 1.ทำเลประจำ วิ่งไปจอดขายถาวรต่อเนื่อง หากเลือกทำเลลักษณะนี้ ต้องเป็นย่านชุมชน และทางเจ้าของสถานที่อนุญาตให้จอดขายได้ ส่วนใหญ่จะเก็บค่าเช่าระยะยาว อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ส่วนใหญ่ทำเลที่ดีจริงๆ มักจะมีฟู้ดทรัคที่ทำมาก่อน เช่าเต็มไปแล้ว และ 2.วิ่งขายตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบัน มีออแกไนเซอร์รับจัดงานประเภทนี้จำนวนมาก ดังนั้น ต้องวางแผนล่วงหน้า เลือกไปงานที่คุ้มค่าเช่า
“ปัญหาสำคัญที่สุดของฟู้ดทรัค คือเรื่องที่จอดรถ คุณไม่สามารถจะมีรถแล้ววิ่งไปจอดขายก็ไหนก็ได้ตามใจต้องการ เพราะถ้าทำเช่นนั้น โดยเทศกิจปรับแน่ๆ ฉะนั้น คนที่คิดจะทำฟู้ดทรัค ต้องคิดถึงเรื่องทำเลเสียก่อน ในส่วนของผมเอง จะใช้ทำเลทั้งสองแบบ คือ ขายประจำในย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งผมไปติดต่อขอเช่าสถานที่กับทางมหาวิทยาลัย ควบคู่กับวิ่งออกขายตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งวางแผนล่วงหน้า 3-4 เดือนเลยว่า จะไปออกงานใดบ้าง เช่น ช่วงหน้าฝนควรเลือกไปงานที่จัดในร่ม หรือปลายปีไปออกงานตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งแต่ละทำเล จะมีผู้ดูแลพื้นที่อยู่แล้ว คุณต้องไปติดต่อล่วงหน้าไว้ก่อน” อะตอมแนะนำ
นอกจากนั้น เขาเผยด้วยว่า ปัจจุบัน ในหมู่ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคเกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม “FOOD TRUCK CLUB” ซึ่งจะทำหน้าที่รับลงทะเบียนผู้ประกอบการวิชาชีพนี้ รถที่ผ่านการรับรองจะได้สติ๊กเกอร์รับรองคุณภาพ โดย“กะหรี่ INDY” ได้รับรองหมายเลขรถเป็นคันที่ “155” จากจำนวนสมาชิกปัจจุบันกว่า 400 คัน
“ปัจจุบัน มีฟู้ดทรัคในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน แต่ที่มาอยู่ใน “FOOD TRUCK CLUB” ประมาณ 400 คัน ซึ่งประโยชน์ของการเข้ากลุ่มนี้ คือ ได้สติ๊กเกอร์รับรองคุณภาพ ลูกค้ามั่นใจไว้ว่า ฟู้ดทรัคคันนี้ผ่านมาตรฐานมาแล้ว และเวลาที่มีการจัดกิจกรรม หรืองานอีเว้นท์ต่างๆ ก็จะแจ้งข่าวให้สมาชิกรับรู้ ช่วยให้เป็นทางเลือกในการหาทำเลได้” เอกวุฒิ แนะนำ
สำหรับ “กะหรี่ INDY” มีเมนูอาหารรวมกันประมาณ 10 รายการ เช่น ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทงคัตสึ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่คาราเกะ ข้าวหน้าแกงกะหรี่กุ้งชุบแป้งทอด และยากิโซบะ ราคาเริ่มต้นที่ 50-99 บาทต่อจาน กลุ่มลูกค้าหลักเป็นวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ส่วนการทำตลาดจะเน้นผ่านออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และไอจี พยายามให้ลูกค้าที่มากิน ถ่ายภาพแชร์ต่อเกิดการบอกปากต่อปาก
สำหรับวงจรชีวิตในการทำงานนั้น อะตอม เล่าว่า ส่วนใหญ่จะขายช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ หลังจากเก็บร้านเสร็จแล้ว จะขับรถไปยังแหล่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เกตที่เปิด 24 ชั่วโมง เมื่อกลับมาถึงบ้าน จะเริ่มกระบวนการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ทำสดใหม่วันต่อวัน กว่าจะแล้วเสร็จประมาณ ตี 2 จากนั้น จึงเข้านอน และช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น จึงนำวัตถุดิบต่างๆ ที่เตรียมไว้ขึ้นรถ แล้วขับเดินทางไปยังสถานที่ขาย ทำประจำเช่นนี้เกือบทุกวัน ส่วนใหญ่จะไปขายคนเดียว นอกเสียจากออกงานอีเว้นท์ใหญ่ๆ คาดจะมีลูกค้าจำนวนมาก จะหาผู้ช่วยเสริม 1-2 คน รายได้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ เฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาทต่อเดือน
“การทำฟู้ดทรัค ผมว่า ปัจจัยสำคัญ รถต้องมีความสวยงาม สะอาด มีมาตรฐาน ส่วนเมนูอาหารต้องพิเศษแตกต่างๆ จากร้านอาหาร หรือรถเข็นทั่วไป ซึ่งผมคิดว่า ฟู้ดทรัคสามารถขายได้เกือบทุกเมนูอาหารที่มีลักษณะทำได้ง่าย ทำได้เร็ว และสามารถเก็บสต็อกวัตถุดิบต่างๆ ได้ ซึ่งผมมองข้อดีของฟู้ดทรัค เป็นอาชีพอิสระ ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ นอกจากนั้น ผมคิดว่าการลงทุนซื้อรถดีกว่าไปเช่าหน้าร้าน เพราะสุดท้ายยังเหลือรถเป็นสมบัติของตัวเราเอง” อะตอม กล่าว
นี่คือ เรื่องราวของหนุ่มคนขยันที่ยึดฟู้ดทรัคสีทองเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ วิ่งไปบริการเมนู “ข้าวหน้าแกงกะหรี่” แก่ลูกค้าทุกหนแห่ง ในชื่อร้าน “กะหรี่ INDY”
โทร.086-393-8348 , ID Line:atomdrum , FB: SushiForU.SushiForU , IG:atom_japanesefoodtruck
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *