xs
xsm
sm
md
lg

'ปลานิล...ปลาพระราชทาน' ฟื้นชีวิตชาวบ้านบางหัก เลี้ยงขายในไทยเหลือค่อยส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายพรชัย บัวประดิษฐ์ ประธานสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด
“ถ้าไม่มีปลานิล ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร” ประโยคที่ประธานสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด เอ่ยถึง 'ปลานิล ปลาพระราชทาน' ที่ปัจจุบันได้สร้างอาชีพให้แก่ชาวบ้าน มีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้

หากย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา สัตว์น้ำชนิดใหม่ที่เข้ามายังประเทศไทย อย่าง “ปลานิล” เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ผู้คนเลี้ยงเพื่อรับประทานเป็นอาหารเสริมโปรตีน และแบ่งขายหากเหลือเกินกำลังที่จะรับประทาน แต่ก่อนที่คนไทยจะได้นำมาเพาะเลี้ยงกันนั้น ปลานิลเคยเป็นปลาทดทองเลี้ยงในวังสวนจิตรลดามาก่อน จนได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ และถูกแจกจ่ายให้เกษตรกร และปล่อยลงแหล่งน้ำเพื่อให้ขยายพันธุ์ต่อไป
ให้อาหารคุณภาพแก่ปลานิล
สำหรับชาวบ้านและเกษตรกรที่ยึดอาชีพเพาะเลี้ยงปลานิล ถือว่าปลานิลเป็นหนึ่งในพระอัจฉริยภาพที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เลือกนำพันธุ์ปลาชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทย

นายพรชัย บัวประดิษฐ์ ประธานสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด และเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงปลานิลเป็นอาชีพ เผยถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เพาะเลี้ยงปลานิลเป็นอาชีพ ควบคู่กับการเลี้ยงกุ้งขาว ใน ต.บางหัก จ.ชลบุรี ว่า แต่เดิมชาวบ้านมีการเลี้ยงกุลาดำมาก่อน แต่ด้วยประสบปัญหาหลายด้าน และสภาพดินที่สูญเสียไป ทำให้เริ่มมองหาสัตว์น้ำชนิดอื่นมาทดแทน ซึ่งปลานิลเป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงกันแทบทุกบ้าน แต่เพื่อยังชีพไม่มีการเลี้ยงเพื่อจำหน่ายอย่างจริงจัง กระทั่งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
บ่อดินสำหรับเลี้ยงปลานิลและกุ้งขาว
“อาชีพหลักของชาวบ้านบางหักตั้งแต่ปี 2532 ยึดอาชีพการเลี้ยงกุ้งกุลาดำเป็นหลัก และปลาเบญจพรรณบ้างเล็กน้อย เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน โดยเลี้ยงในบ่อดิน กระทั่งปี 2546 มีการรวมกลุ่มเป็นชมรมผู้เลี้ยงกุ้งบางหัก แต่เมื่อมีความยุ่งยากด้านการเอกสารการขอใบอนุญาติ จึงมองไปที่กุ้งขาว และปลานิล โดยได้ทดลองเลี้ยงในบ่อเดียวกัน ผลปรากฏว่า สัตว์น้ำทั้ง 2 สายพันธุ์นี้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว”

สำหรับแนวคิดในการเลี้ยงปลานิลมาจากความต้องการของนายพรชัย ที่ต้องการเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงปลานิลแบบเดิมๆ ที่สมัยก่อนผู้คนมักจะเลี้ยงปลานิลในบ่อ และด้านบนเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เพื่อให้ปลานิลกินมูล ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้ารับประทาน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าหากปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงให้ถูกสุขลักษณะขึ้น น่าจะเพิ่มรายได้จากปลานิลได้ ดังนั้นทางสหกรณ์ฯ จึงเลือกใช้รำ และอาหารสำหรับปลานิลเป็นหลัก เพื่อให้ได้ปลาที่ดีมีคุณภาพไร้กลิ่นโคลน และกลิ่นสาบ ซึ่งจากจุดเด่นนี้เองทำให้ปลานิลของชาวบ้านสหกรณ์ฯ เป็นที่ต้องการของประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป ในรูปแบบของปลานิลแช่แข็ง และปลานิลขอดเกล็ด ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
เวลาอาหารปลานิล
ปัจจุบันปลานิลที่ผลิตได้ในประเทศไทยมีประมาณ 220,000 ตัน/ปี ส่งออกเพียง 15,000 ตัน/ปีเท่านั้น ทั้งที่ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยในไทยผู้คนนิยมรับประทานมากขึ้นจึงมีอัตราการส่งออกน้อย หากเทียบกับประเทศจีน ขณะที่ในจังหวัดชลบุรี มีพื้นที่เลี้ยงปลานิลประมาณ 20,000 ไร่ มีผลผลิตอยู่ที่ 20,000 ตัน/ปี โดยใน 1 ไร่ จะเลี้ยงปลานิลได้ 800-1,200 ตัว ส่วนกุ้งขาวเลี้ยงได้ 10,000-20,000 ตัว/ไร่ โดยปลานิลใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6-8 เดือน จึงจะได้ผลผลิต ส่วนกุ้งขาวใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ย 8,000-10,000 บาท/ไร่ จากราคาขายที่ปากบ่อ 45-50 บาท/กิโลกรัม (ต้นทุน 32-35 บาท)

มีกังหันน้ำเพื่อเติมออกซิเจนในน้ำ

บรรยากาศยามเย็นบ่อเลี้ยงปลานิล-กุ้งขาว
“ข้อดีของการเลี้ยงปลานิล และกุ้งขาวในบ่อเดียวกันทำให้เกษตรกรมีรายได้หมุนเวียนทุกเดือน แต่ขั้นต่ำต้องมีพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ ในการเลี้ยงสัตว์น้ำทั้ง2 ชนิดนี้ เพื่อให้รายได้เกิดการหมุนเวียนทุกเดือน เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงครอบครัว และหากเกษตรกรต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถปลูกกล้วย อ้อย พริก หรือพืชชนิดอื่น มาปลูกรอบคันดินก็ได้อีกทางหนึ่ง”

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ปลานิลของชาวบ้านสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด ที่ดีคุณภาพดี แต่ปัจจุบันกรมประมงได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อการเพาะเลี้ยงที่ถูกสุขลักษณะ เป็นที่ต้องการของตลาด
กุ้งขาวที่สามารถจับขายได้แล้ว
นำกุ้งขาวมาส่งให้แก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า
เรียกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมอบแนวทางอาชีพให้แก่เกษตรกรไทย ซึ่งนายพรชัย ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากปลานิล ซึ่งเขาบอกว่า หากไม่มีปลานิล ก็ไม่รู้ว่าวันนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานพันธุ์ปลานิลมาให้แก่คนไทย ถือเป็นพระอัจฉริยะภาพ ที่ทรงเล็งเห็นว่าปลานิลเป็นแหล่งโปรตีน มีคุณค่าทางอาหารสูง และราคาไม่แพง รวมถึงยังเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพได้ ซึ่งเขาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้มาโดยตลอด

***สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.08-1818-7927***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น