SME Development Bank แถลงผลการดำเนินงานเดือน มิ.ย.กำไร 206 ลบ. รวมครึ่งปีแรก 1,104 ลบ. แจงผลจากขยายสินเชื่อคุณภาพและบริหารหนี้เสียเข้าเป้า ส่วนยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 6 เดือนรวม 16,479 ลบ. ช่วยผู้ประกอบการได้ 5,389 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 3 ลบ. ส่วนยอดสินเชื่อคงค้าง 88,532 ลบ. ด้านหนี้เสียเหลือ 20,011 ลบ. คิดเป็น 22.60%
นางสาลินี วังตาล ในฐานะประธานกรรมการในธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ (SME Development Bank) แถลงผลการดำเนินงานของธนาคารฯ ในเดือน มิ.ย. มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท และครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2559 มีกำไรสุทธิรวม 1,104 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย) ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท คิดเป็น 82.78%
เหตุผลสำคัญมาจากธนาคารสามารถขยายสินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น และบริหารจัดการหนี้ NPL ได้ตามเป้าหมาย ทำให้หนี้เดิมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สามารถกลับมาสร้างรายได้ให้กับธนาคารและช่วยลดภาระกันสำรองลดลง นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าแผนงานที่วางไว้ รวมถึงสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงด้วย
ทั้งนี้ ณ สิ้น มิ.ย. 2559 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรวม 16,479 ล้านบาท จำนวน 5,389 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 3 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 88,532 ล้านบาท
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ 30 มิถุนายน 2559 มียอด NPLs คงเหลือ 20,011 ล้านบาท (คิดเป็น 22.60% ของสินเชื่อรวม) เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ณ 30 มิถุนายน 2558 มียอด NPLs 27,184 ล้านบาท (คิดเป็น 31.47% ของสินเชื่อรวม) ลดลง 7,173 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากธนาคารสร้างระบบ Loan Monitoring เพื่อป้องกันสินเชื่อตกชั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการติดตามดูแลลูกหนี้ที่อ่อนแออย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถรักษาคุณภาพลูกหนี้ไม่ให้ตกชั้นเป็น NPL ได้ดีขึ้น และธนาคารปรับโครงสร้างลูกหนี้ NPLs ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ธนาคารได้มีการขายลูกหนี้ NPLs ออกไปรวมทั้งสิ้น 1,433.35 ล้านบาท และตั้งแต่คณะกรรมการชุดนี้เข้ามาดูแล ธพว.เดือนสิงหาคม 2557 เป็นต้นมา ธนาคารได้ขายลูกหนี้ NPLs ไปแล้ว 7,613.66 ล้านบาท
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. (SME Development Bank) กล่าวเสริมว่า จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมากว่า 1 ปี คณะกรรมการ ธพว.ได้เห็นชอบให้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศกับสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (KfW) ประมาณ 25.385 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทย 1,196.90 ล้านบาท ก่อนครบกำหนดโครงการในปี 2588 ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารมีสภาพคล่องส่วนเกินมากพอแล้ว อีกทั้งการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดทำให้ไม่ต้องเสียค่าป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (CCS) และเป็นการลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศด้วยเช่นกัน เพราะเงินกู้จำนวนนี้มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *