xs
xsm
sm
md
lg

ถอดสูตร ‘แพ 500 ไร่’ วิมานกลางน้ำ แพรีสอร์ตร้อยล้านที่เริ่มจากศูนย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพ 500 ไร่ รีสอร์ตกลางน้ำ ที่อยู่ในเขื่อน “เชี่ยวหลาน” เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว การท่องเที่ยวในเขื่อน “เชี่ยวหลาน” เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี แทบไม่มีใครสนใจ เฉลี่ยวันหนึ่งมีแขกมาเยือนไม่ถึงร้อยคน ค่าห้องพักสูงสุดแค่ 600 บาท ตรงกันข้ามกับในปัจจุบัน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สุดฮิตสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนัก และจองยาวล่วงหน้าหลายเดือนถึงมีโอกาสได้สัมผัส

หนึ่งในหัวหอกสำคัญที่ปลุกกระแสดังกล่าวให้เกิดขึ้น คือ “แพ 500 ไร่” รีสอร์ตกลางน้ำแสนสวย โดยผู้บริหารหนุ่มวัย 36 ปี “อติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์” หรือ “คุณเบิ้ล” ที่เจ้าตัวยอมรับเองว่าครั้งหนึ่งในช่วงวัยรุ่นเคยเป็นเด็กวัยรุ่นเสเพล ติดการพนัน ไม่มีใครเชื่อว่าจะเอาดีในชีวิตได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีและกลายเป็นหัวใจที่ทั้งช่วยสร้างและทำให้ธุรกิจประสบความสำคัญ คือ มีเป้าหมายชัดเจนต้องการพัฒนาชุมชนบ้านเกิด
อติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์ เจ้าของธุรกิจ
คุณเบิ้ลเล่าว่า ครอบครัวค่อนข้างยากจนมาก พ่อแม่เป็นครูบ้านนอกรายได้น้อย ขณะที่ตัวเองเข้ามาเรียนระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งวิธีในเวลานั้นคลุกคลีมั่วสุมอยู่กับการเล่นพนัน ใช้ชีวิตเสเพลเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

“ชีวิตในเวลานั้นผมเต็มไปด้วยคำถาม และข้อสงสัยที่ค้างคาในใจถึงชีวิตในอนาคต เช่น จะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร, หลังเรียนจบแล้วจะไปทำงานอะไร หรือถ้าต้องไปทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ จะทำไงดี ฯลฯ เพราะที่สุดแล้วทุกคนอยากมีความสุข ผมเลยเลือกจะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข คือได้กลับมาอยู่บ้านเกิด ใกล้ชิดพ่อแม่และมีโอกาสได้พัฒนาชุมชน โดยเริ่มจากรับจ้างสอนหนังสือ หลังจากนั้นมีโอกาสไปบวชเรียน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมจริงๆ เพราะธรรมะช่วยให้คำตอบผมได้ในทุกๆ เรื่อง ทั้งสร้างวินัยให้ตัวเอง และทำให้เรามองเห็นอนาคตว่าจะเดินไปในทิศทางใด”

เปลี่ยน “ความชอบ” เป็น “ธุรกิจ”

หลังพบเป้าหมายหลักในชีวิตแล้วว่าอยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข และได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิดด้วย อติรัตน์กลับมาพิจารณาตัวเองเป็นคนรักการท่องเที่ยว ประกอบกับเชื่อมั่นในศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติของ อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ว่างดงามไม่แพ้ที่ใดๆ ดังนั้น อาชีพที่อยากจะทำต้องเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในบ้านเกิด

เขาเลือกเป็น “ไกด์” นำเที่ยว เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนใดๆ เลย และด้วยความเป็นคนรักงานบริการ และขยันหาความรู้ ลูกค้าจึงรักและให้ความเมตตาสูง คอยแนะนำช่องทางต่างๆ จนได้โอกาสขยับมาเป็นเซลส์ขายทัวร์ท่องเที่ยว และในปี 2552 สามารถก่อตั้งบริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ จำกัด ให้บริการข้อมูลและนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในสุราษฎร์ธานี และใกล้เคียงครบวงจร เช่น ซื้อทัวร์ หาที่พัก เช่ารถ เช่าเรือ เป็นต้น จากนั้น ในปี 2555 ก่อตั้งบริษัท รักษ์สุราษฎร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจรีสอร์ต “แพ 500 ไร่”

เปิดยุทธศาสตร์พลิกโฉมท่องเที่ยว “เชี่ยวหลาน”

อติรัตน์ฉายภาพการท่องเที่ยวในเขื่อน “เชี่ยวหลาน” เวลานั้นให้ฟังว่า คนทั่วไปรู้จักน้อยมาก มีผู้ประกอบการที่พักอยู่แล้ว 8 ราย รองรับลูกค้าได้สูงสุด 200 คนต่อวัน แต่มีคนมาพักจริงเฉลี่ยแค่ 100 คน และค่าห้องพักสูงสุดแค่ 600 บาทต่อคืน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแบกเป้ ใช้จ่ายต่ำ

สิ่งที่ “แพ 500 ไร่” รีสอร์ตน้องใหม่เข้ามาปฏิวัติวงการท่องเที่ยวในพื้นที่เสียใหม่ ใช้กลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1. เปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ จากเดิมนักเที่ยวตลาดล่างใช้จ่ายน้อย มุ่งเป้าหมายไปที่ตลาดบน กำลังซื้อสูง โดยเจาะจงสำหรับลูกค้าที่ต้องการมาพักผ่อน เงียบสงบ และอยากใกล้ชิดธรรมชาติจริงๆ 2. กลไกด้านราคา ในปีแรกเริ่มต้นที่ 2 พันบาทต่อคนต่อคืน ซึ่งสูงที่สุดในพื้นที่แล้ว และปรับขยับเพิ่มทุกๆ 4 เดือน และ3. ขยายการรับรู้ในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

“ผมนำต้นแบบการท่องเที่ยวแบบแพมาจาก จ.กาญจนบุรี แต่มาสร้างความแตกต่าง เพราะที่เมืองกาญจน์จะเน้นแพบันเทิง แต่ของผมหันมาเน้นเงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะที่จะมาพักผ่อนจริงๆ แค่ออกจากฝั่ง 15 นาทีก็จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตแล้ว ซึ่งการท่องเที่ยวลักษณะนี้เหมาะกับลูกค้าตลาดบน ซึ่งหลังจากลูกค้าตลาดบนมาแล้ว ลูกค้าระดับกลางจะตามมาเอง ส่วนการตั้งราคาสูง เบื้องต้นเพื่อเรียกความสนใจ ให้ลูกค้าอยากรู้ว่าทำไมถึงแพงจัง และเมื่อมาแล้ว เขาต้องได้ “มากกว่าที่คาดหวัง” จากธรรมชาติกับบริการ และสุดท้าย ขยายการรับรู้โดยปากต่อปาก ซึ่งผมไม่ซื้อสื่อโฆษณาใดๆ เลย ฐานลูกค้าที่เพิ่มเกิดจากการบอกต่อทั้งสิ้น” คุณเบิ้ลอธิบาย

จากเริ่มต้นแค่ 1 แพ ปัจจุบันรีสอร์ต “แพ 500 ไร่” ขยายเป็นทั้งหมด 15 แพ จำนวน 18 ห้อง รับได้ประมาณ 100 คน ราคาที่พักบวกแพกเกจเฉลี่ย 6,000 บาทต่อคนต่อคืน และสูงสุดคือ 2 หมื่นบาทต่อคนต่อคืน มีกิจกรรม เช่น เดินป่า พายเรือ ฯลฯ โดยมีอัตราเข้าพักเต็มเฉลี่ยเมื่อปีที่แล้ว (2558) ถึง 98% ถ้าเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ต้องจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน วันธรรมดาจองล่วงหน้า 1 เดือน ลูกค้าหลักกว่า 90% คือชาวไทย ประเภทครอบครัว คนรักธรรมชาติ คู่รัก และกลุ่มเพื่อน ส่วนอีก 10% เป็นชาวต่างชาติ และปีนี้ (2559) คาดจะเพิ่มอีก 20% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกรดเอที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

จากที่ “แพ 500 ไร่” มาสร้างความตื่นตัวให้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อตลาดบน ฉุดธุรกิจแพท่องเที่ยวรายอื่นๆ ในท้องที่ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการในเขื่อน “เชี่ยวหลาน” รวมทั้งหมด 16 ราย แบ่งเป็นของเอกชน 12 ราย และอุทยานแห่งชาติอีก 4 ราย รองรับลูกค้าได้สูงสุด 1,500 คนต่อวัน มีอัตราพักเต็มเฉลี่ยวันหยุดสุดสัปดาห์ถึง 80-90% ส่วนวันธรรมดา 50-80%

ชูสูตรสำเร็จอนุรักษ์ธรรมชาติเคียงคู่พัฒนาชุมชน

เขาเสริมด้วยว่า การทำธุรกิจท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ประการแรก ต้องเกิดจากความจริงใจที่อยากอนุรักษ์ธรรมชาติ และเนื่องจากเขื่อน “เชี่ยวหลาน” เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ดังนั้น การเข้ามาประกอบธุรกิจที่พัก ต้องศึกษากฎระเบียบให้รอบคอบ ห้ามละเมิดกฎหมายอุทยานแห่งชาติเด็ดขาด รวมถึงต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายหลักที่เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง

ประการที่สอง ต้องมีบริการดีและจริงใจ โดยให้คนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องคัดกรองให้ได้ลูกค้านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ในขณะเดียวกัน คนท้องถิ่นก็จะได้รับประโยชน์ อยากเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ในที่สุดแล้วจะเกิดความยั่งยืน

“ลูกค้าที่มาเที่ยวครั้งแรกจะรู้สึก “ตื่นเต้น” พอมาครั้งที่สอง “ติดใจ” และหลังจากนั้น อยากจะมาเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ อันดับแรกต้องเกิดจากธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งผมมั่นใจว่าที่นี่สวยไม่เป็นรองที่ใดๆ แน่ ตามด้วย บริการจากพนักงานและรูปแบบการให้บริการที่เป็นธรรมชาติ โดยพนักงานที่นี่กว่า 80% เป็นคนท้องถิ่น บริการด้วยความใสซื่อ และจริงใจ ไม่ท่องบท และไม่เฟก สัมผัสได้ถึงความเป็นคนท้องถิ่นจริงๆ นอกจากนั้น ผลผลิตต่างๆ ที่ใช้ในรีสอร์ตก็รับซื้อจากชุมชน เป็นการกระจายประโยชน์สู่ท้องถิ่นด้วย”

ตั้งเป้าหมายให้ชัด หนทางสู่ความสำเร็จ
จากอดีตเด็กวัยรุ่นเกเรที่คนรอบข้างเบนหน้าหนี วันนี้ อติรัตน์ ในวัยเพียง 36 ปี ก้าวมาเป็นนักธุรกิจท่องเที่ยวแถวหน้าของภาคใต้ มีธุรกิจท่องเที่ยวในเครือครบวงจร นอกจากรีสอร์ต “แพ 500 ไร่” แล้ว ยังมีโรงแรมอีก 3 แห่งใน จ.สุราษฎร์ธานี รวมไปถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องครบวงจร ตั้งแต่รับจองที่พัก บริการเช่ารถ เช่าเรือ รับจัดทัวร์ ฯลฯ ผลประกอบการปีที่แล้ว (2558) อยู่ที่หลักร้อยล้านบาท

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เจ้าตัวบอกว่า สิ่งสำคัญเกิดจากมีเป้าหมายที่ชัดเจน และมุ่งมั่นทำให้ถึงเป้าหมายนั้นให้จงได้ ซึ่งเชื่อว่าถ้าทุกคนวางเป้าหมายให้ตัวเองชัดเจนแล้วก็จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

“เป้าหมายของผม คืออยากทำงานที่ตัวเองรัก ได้กลับมาอยู่บ้านเกิดและได้พัฒนาชุมชน ผมก็มุ่งมั่นทำทุกอย่างเพื่อจะไปถึงเป้าหมายของผม ซึ่งแน่นอนว่าในความเป็นจริงมันย่อมมีปัญหามากมาย แต่ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ปัญหามันจะไม่ใช่เป็นปัญหา มันจะเป็นแค่อุปสรรคขวางระหว่างเส้นทางให้เราไปถึงเป้าหมายช้าลง แต่ถ้าเป้าหมายเราชัด สักวันเราก็จะไปถึงจนได้” เขาทิ้งท้าย





* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น