ด้วยความที่เป็นคนแม่กลอง แหล่งเลื่องชื่อปลาทูหน้างอคอหัก ทำให้อดีตมนุษย์เงินเดือน กลับมาพัฒนาสินค้าบ้านเกิดให้เติบโต จากการพัฒนาปลาทูแม่กลอง สู่ “ปลาทูนึ่งก้างนิ่ม” รายแรกและรายเดียวในไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยความอดทน ทำให้ได้ปลาทูนึ่งที่รับประทานได้ทั้งก้าง รับประกันไม่ติดคอ
อาทิตยา อมาตยกุล เจ้าของลิขสิทธิ์ปลาทูนึ่งก้างนิ่ม เผยที่มาธุรกิจนี้ให้ฟังว่า เดิมเธอเป็นพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป แต่เมื่อถึงจุดอิ่มตัว เริ่มมองถึงอนาคตว่าลำพังแค่เงินเดือนประจำอาจไม่เพียงพอสำหรับการสร้างครอบครัว ดังนั้นต้องหารายได้เสริม ซึ่งการค้าขายอาหารเป็นสิ่งแรกที่เธอคิด เพราะผู้คนต้องหาซื้อทุกวัน แต่ต้องเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และคนรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณใดๆ อีก
ในบรรดาของกินที่เธอคิดนั้นมี “ปลาทูแม่กลอง” รวมอยู่ด้วย จากการที่เธอเป็นคนพื้นถิ่นและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เธอจึงเริ่มต้นด้วยการซื้อมาขายไป รายได้ก็ไม่หวือหวามากนัก กระทั่งเกิดแนวคิดที่ว่า หากทำให้ปลาทูสามารถรับประทานได้ทั้งก้างน่าจะเป็นเรื่องดี และจะทำให้ปลาทูสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้สูงอายุโดยไม่ต้องคอยระวังก้าง
“ของดีแม่กลองมีหลายอย่าง เช่น ส้มโอ ลิ้นจี่ และปลาทู ซึ่งเรามองว่าในส่วนของผลไม้หากจะนำมาต่อยอดเป็นสินค้าอื่นๆ ก็จะได้ไม่หลากหลายนัก ขณะที่ปลาทูยังนำมาแปรเปลี่ยนไปได้อีกหลายเมนู อย่าง เมี่ยงปลาทู ยำปลาทู ปลาทูซาเตี๊ยะ และอื่นๆ อีกมากมาย เราจึงเลือกนำปลาทูมาต่อยอด เริ่มจากการซื้อมาขายไป จนเกิดแนวคิดที่จะทำปลาทูก้างนิ่ม เพื่อให้เด็กและผู้สูงอายุรับประทานได้ทั้งตัวโดยไม่ต้องระวังก้าง”
ดังนั้นการเริ่มต้นทำปลาทูก้างนิ่มจึงดำเนินการ ด้วยการลองผิดลองถูกเองทั้งหมด เธอหมดปลาทูเป็นตัน ทำทิ้งหมดเงินไปหลักล้านบาท จนได้ “ปลาทูก้างนิ่ม แบรนด์อาทิตยา” เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ และจดอนุสิทธิบัตรเรียบร้อย พร้อมการันตีคุณภาพด้วยมาตรฐาน อย. และ GMP มั่นใจได้ว่าปลอดสารอันตรายที่ทำให้ก้างเปื่อยนิ่ม
“ปลาทูของเราจะเน้นไปที่ปลาทูแม่กลองและปลาทูไทยมาเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวประมงไทยทางอ้อม หลังจากที่ผ่านมาปลาทูที่คนไทยส่วนใหญ่รับประทานกันอยู่นั้นเป็นปลาทูที่นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม ฯลฯ ซึ่งรสชาติจะเค็ม ไม่ตอบโจทย์ผู้คนที่หันมารักสุขภาพกันมากขึ้น ขณะที่ปลาทูของเรานอกจากจะรับประทานได้ทั้งตัวแล้ว ยังได้สัมผัสรสชาติปลาทูสดอย่างแท้จริง เหมาะนำไปต่อยอดเป็นเมนูอื่นๆ ได้อีกมาก โดยกำลังการผลิตอยู่ที่ 3,000 เข่ง/วัน ขายในราคา 60-65 บาท/เข่ง (ตกประมาณ 3-4 ตัว)”
หลังจากที่เธอดำเนินธุรกิจปลาทูก้างนิ่มได้ 3 ปี โดยเน้นการขายผ่านออนไลน์ และออกงานประจำจังหวัด ล่าสุดเธอเปิดขายแฟรนไชส์ ในแบบที่เปิดเผยสูตรทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องมาซื้อปลาทูที่เธอ!
แล้วอย่างนี้เธอไม่กลัวจะหมดหนทางหากินหรืออย่างไร? คำตอบคือเธอไม่กลัว เพราะเชื่อว่าจะสามารถคิดค้นสินค้าใหม่ๆ ได้ตลอด โดยล่าสุดเตรียมทำปลาทูอบกรอบทั้งตัว สามารถฉีกซองและรับประทานได้ทันที ส่วนการลงทุนแฟรนไชส์ปลาทูนึ่งก้างนิ่มแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่ 1.ชุดเล็ก ลงทุน 149,000 บาท เหมาะกับผู้ผลิตรายเล็ก แบบซื้อมาขายไป และลงทุน 349,000 บาท สำหรับผู้ที่เน้นการขายส่ง หรือเป็นตัวแทนในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับอุปกรณ์ครบครัน สูตรการทำปลาทูนึ่งก้างนิ่มทั้งหมด และสูตรทำเมนูแปรรูปจากปลาทู เช่น ยำปลาทู เมี่ยงปลาทู ปลาทูซาเตี๊ยะ กระเพราปลาทู เส้นหมี่คลุกงาดำ ปลาทูหม้อร้อน ส้มตำปลาทูนึ่ง และแกงเขียวหวานปลาทู เป็นต้น
“หลายคนสงสัยว่าทำไมเราขายแฟรนไชส์แล้วบอกสูตรหมด ไม่กลัวหรือว่าเขาจะกลายมาเป็นคู่แข่ง และรายได้จะมาจากไหน เราตอบเลยว่า ไม่กลัว เพราะตราบใดที่เรายังไม่หยุดคิดที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ส่วนรายได้หลังจากที่ขายแฟรนไชส์ไปแล้ว คือ การขายปลาทู ที่แม้เราไม่ได้บังคับให้ซื้อปลาทูกับเรา แต่ด้วยราคาที่ขายถูกกว่าทั่วไป แถมยังได้ปลาทูสดใหม่ ก็ทำให้แฟรนไชส์เหล่านี้ต้องกลับมาซื้อปลาทูสดกับเรา”
สำหรับการเก็บรักษาปลาทูนึ่งก้างนิ่ม หากอยู่ในถุงรีทอร์ตเก็บได้ 3 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่หากอยู่ในถุงสุญญากาศธรรมดา จะได้อยู่ได้ 7 วัน โดยไม่ต้องแช่เย็น หากนำไปแช่แข็งจะอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งอนาคตจะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเก็บได้นานขึ้น เตรียมพร้อมกับตลาดส่งออกที่จะมีขึ้นในอนาคต
***สนใจติดต่อ 09-6453-5564, 034-751-789 หรือที่ Line id : 0964535564***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *