แม้จะเกิดในครอบครัวที่มีคุณย่าทอผ้าจนชินตา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กหญิงคนหนึ่งซึมซับในงานนี้ กระทั่งตัดสินใจเข้าเรียนด้านการออกแบบพัตราภรณ์ศิลปะแห่งผ้าทอ ทำให้รู้ว่ามรดกทางวัฒนธรรมชิ้นเอกนี้ สามารถต่อยอดได้อีกมาก และทำให้ผู้คนเห็นคุณค่าผ้าทอไทย เริ่มจากการเข้าถึงผ้าทอง่ายๆ ด้วย 'กี่เฟรม' หรือ 'กี่พกพา'
จากบทบาทหน้าที่ของ “อวิกา สมัครสมาน หรือ อิม” หลังเรียนจบด้านการออกแบบผ้าทอ ก็มุ่งมั่นฟื้นฟูศิลปะนี้ให้คงอยู่สู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ตามกำลังที่เธอพอจะทำได้ เริ่มจากการลงพื้นที่ใน 4 ภาคของไทย ร่วมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กับบทบาทเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้านในเรื่องการออกแบบลวดลายผ้าทอ ทำให้รู้ถึงปัญหาผ้าทอไทย ที่เกิดกับชาวบ้านมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่การถูกกดราคาจำหน่าย ไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม ลวดลายเดิมๆ ไม่มีการต่อยอด ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ในท้องถิ่นผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าคนกลาง ทำให้เกิดการกดราคากันเองในหมู่บ้าน
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงชาวบ้านมีศักยภาพและฝีมือในการทอผ้ามากกว่าที่เห็น หากมีผู้ชี้แนะแนวทางการพัฒนาผ้าทอให้เป็นไปตามที่ต้องการของตลาด ทำให้เธอคิดจะทำให้คนไทยหันมาสนใจงานผ้าทอมากขึ้น แต่ครั้นจะให้มานั่งทอผ้าจากกี่ขนาดใหญ่คงเป็นไปไม่ได้ เธอจึงเลือก “กี่เฟรม” หรือเรียกให้เข้าใจง่าย คือ กี่แบบพกพานั่นเอง ขนาด A3 ทำการเปิดสอนด้านพื้นฐานการทอผ้า พร้อมสอดแทรกเทคนิคการทอแบบดั้งเดิมของไทยเข้าไปด้วย
“เมื่อเราคิดจะทำให้ผ้าทอไทยมีคุณค่าสำหรับคนไทยและต่างชาติก่อนอื่นต้องทำให้คนไทยได้สัมผัสและเข้าใจในผ้าทอก่อน ด้วยการ 'ลงมือทำ' ซึ่งก็คือการทอผ้า โดยใช้กี่เฟรม ซึ่งเราก็ตัดสินใจเปิดสอน เพื่อให้ผู้สนใจนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ได้เอง โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน ที่เมื่อมีความรู้พื้นฐานด้านการทอผ้าแล้ว ก็นำไปรังสรรค์เป็นกระเป๋า หรือ นำไปเป็นของตกแต่งผนังและกรอบรูป รวมถึงยังนำเศษวัสดุอื่นๆ ที่คล้ายเชือกมาผสมรวมกัน ทำให้ได้รูปแบบที่แตกต่างด้านดีไซน์”
ส่วนผลิตภัณฑ์ของคุณอิม ตอนนี้ยังไม่มีเป็นเพียงแค่สินค้าต้นแบบ และงานออกแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชาวบ้าน แต่เธอก็มีแผนที่จะมีสินค้าของตัวเอง พร้อมสตูดิโอจัดแสดงผลงาน โดยจะนำผ้าทอของ จ.ตาก มาต่อยอด หลังได้มีโอกาสลงพื้นที่เห็นวิถีชาวบ้านที่ค่อนข้างลำบาก มีการทำไร่เลื่อนลอย จึงคิดว่าหากสามารถทำให้ผ้าทอจากฝีมือชาวบ้านมาเพิ่มมูลค่า มีความร่วมสมัย พร้อมใส่ไอเดียด้านงานดีไซน์ลงไป น่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง
“หลังจากที่เราเห็นความลำบากของชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องรายได้ที่ไม่เพียงพอ ก็คิดว่าจะทำให้ผ้าทอเป็นตัวช่วยให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมให้เห็นโทษของการทำไร่เลื่อนลอยผ่านงานออกแบบ โดยนำวัสดุที่ชาวบ้านใช้ทำไร่ มาเชื่อมโยงกับงานผ้าทอ สื่อถือความแล้งแค้นหากยังยึดอาชีพเหล่านี้อยู่ ส่วนแนวคิดในการนำลายผ้าทอของ จ.ตากมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นั้น น่าจะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่เลือก จ.ตาก เป็นลายผ้าทอมีเสน่ห์ ซึ่งมีเรื่องราวสอดแทรกอยู่ในนั้น”
ถือเป็นการเริ่มต้นแนวคิดจากหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องการสานต่อผ้าทอไทยให้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณค่า สู่มรดกทางวัฒนธรรม...ขอเพียงแค่คิดจะเริ่มต้น ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรนั้นคงเป็นเรื่องของอนาคต แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าชาวบ้านจะต้องได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
***สนใจติดต่อ 080-555-2203 หรือที่ Facebook: NualninAwika***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *