คนกรุงอาจไม่ค่อยมีปัญหานักสำหรับการชำระเงิน โอนเงิน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ขณะที่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล จะกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งที่จะดำเนินธุรกิจกรรมเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น ทำให้ชายหนุ่มเห็นโอกาส ลงทุนเปิดแฟรนไชส์ “Super S” (ซุปเปอร์ เอส) เพื่ออุดช่องว่างเหล่านี้
เป็นเวลา 2 ปีเศษ ที่ “นายศุภชัย นิลวานิช” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์เอส เซ็นเตอร์ จำกัด ได้ผุดแฟรนไชส์ Super S ขึ้น หลังเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมในส่วนของการโอนเงิน รับชำระค่าสาธารณูปโภค และรวบรวมงานไปรษณีย์ ของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงต้องการเพิ่มความสะดวกสบายให้คนเหล่านี้ ได้เข้ามาใช้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว
“ผมเห็นว่าที่ผ่านมาภาคเอกชนหรือแม้กระทั่งหน่วยงานภาครัฐ ยังเข้าไปไม่ถึงในแง่ของการให้บริการชำระเงินต่างๆ รวมถึงการโอนเงิน ในพื้นที่ห่างไกล อาจเป็นเพราะด้วยต้นทุนการลงทุนค่อนข้างสูง จำนวนผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการยังไม่มากพอทำให้เสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ ขณะที่มุมมองของผมเห็นว่าถ้ามีระบบบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะโปรแกรมรับชำระเงิน โอนเงิน แบบครบวงจร น่าจะใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก ขอเพียงมีพื้นที่เล็กๆ ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้”
ดังนั้นจึงก่อเกิดเป็นธุรกิจ “Super S” ขึ้น ดำเนินธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ โดยบริการชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่างวดรถ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น และรับบริการโอนเงินไปยังธนาคารต่างๆ รวมถึงบริการรับ-ส่งไปรษณีย์ ซึ่งบริการดังกล่าวครอบคลุมการบริการชำระเงินกว่า 500 รายการ โดยเจาะกลุ่มพื้นที่ชุมชน หมู่บ้านในต่างจังหวัดที่ห่างไกลธนาคารหรือไปรษณีย์ ชูจุดขายบริการดี รวดเร็ว เชื่อถือได้
“หลายคนอาจมองว่าปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด อย่าง เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ให้บริการตามร้านสะดวกซื้อ แต่ด้วยบริการของเราที่หลากหลายและครอบคลุมกว่า ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการจากเรา รวมถึงเรายังเก็บสถิติรายได้ของร้านที่เป็นแฟรนไชส์ บนทำเลใกล้ร้านสะดวกซื้อก็พบว่า มีรายรับต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท และร้านสะดวกซื้อดังกล่าวยังไม่เน้นงานบริการด้านนี้ให้กับลูกค้า ทำให้มีช่องว่างของธุรกิจอยู่ค่อนข้างมาก”
สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ เงินลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 350,000 - 700,000 บาท มีค่าต่อสัญญาแบบปีต่อปี คิดปีละ 7,500 บาท และการแบ่งค่าธรรมเนียมในการใช้บริการของแฟรนไชส์ซีที่จะต้องโอนมาที่ส่วนกลางซึ่งแฟรนไชส์แต่ละสาขาต้องโอนรายการมาอย่างน้อย 15 รายการจาก 500 รายการที่มีอยู่ โดยแฟรนไชซีจะได้ 70% ของค่าธรรมเนียม และซุปเปอร์เอสฯ ได้ 30% โดยส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 1 ปี หรือเร็วกว่านั้นสำหรับสาขาที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยเฉพาะงานบริการด้านรับฝากโอนเงิน ทำรายได้ถึง 40-50 บาทต่อรายการเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจขาลง ผู้คนเริ่มประหยัดมากขึ้น การลงทุนธุรกิจก็ต้องคิดมากขึ้น แต่ธุรกิจรับฝากโอนเงิน จุดรับชำระเงิน และรวบรวมงานไปรษณีย์ ยังสามารถดำเนินไปได้เรื่อยๆ คืนทุนได้ในระยะเวลารวดเร็ว ทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว
ปัจจุบัน Super S มีสาขาทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ โดยได้รับการรองมาตรฐานแฟรนไชส์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงที่ผ่านมายังได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับทรูมันนี่ (True Money) เอ็มเปย์ (mPay) และแจ๋ว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้จุดรับชำระเงินค่าบริการต่างๆ
ล่าสุดซุปเปอร์ เอส ยังได้เปิดศูนย์การเรียนรู้สู่อาชีพยุคดิจิตอลในสถาบันการศึกษา ซึ่งปัจจุบันนี้ได้นำร่องไปแล้วที่ วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี และกำลังวางแผนขยายไปทั่วประเทศ เพื่อสอนให้นักศึกษาปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิตอลด้วยการรู้จักใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ที่สามารถบริหารงานได้อย่างหลากหลายด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อย ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ผู้คนต้องการความสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะ e-Payment ที่เป็นกลไกทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
***สนใจติดต่อ 08-6318-5789 หรือที่ www.supers.co.th***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
