ใครจะเชื่อจากเด็กจบแค่ ป.6 วันนี้จะกลับกลายมาเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินตามมาตรฐานสากล ที่เริ่มต้นจากความชำนาญด้านโรงกลึง และชิ้นส่วนยานยนต์ กลายเป็นผู้ประกอบการรายแรกและรายเดียวในไทยที่พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าคนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก
'อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี' บริเวณชานเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านจัดสรร และธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นคือโรงงานผลิตส่วนเครื่องบิน เป็นอุตสาหกรรมอากาศยานที่ได้มาตรฐาน AS9100 แห่งแรกในไทย เพื่อการันตีมาตรฐานการผลิตระดับโลก ของ “นายบุญเจริญ มโนบูรชัยเลิศ” ประธานกรรมการ บริษัท ซี.ซี.เอส.แอดวานซ์เทค จำกัด ผู้ซึ่งก่อร่างธุรกิจมาจากโรงกลึง และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จนก้าวเข้าสู่การผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน
เส้นทางธุรกิจของคุณบุญเจริญที่กว่าจะมีวันนี้ได้ เขาต้องอาศัยความขยัน อดทน ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา โดยเฉพาะฐานะของครอบครัวที่ยากจน ส่งเสียให้เขาได้รับการศึกษาสูงสุดเพียงชั้น ป.6 แต่ด้วยเป็นคนมองการณ์ไกล เขาจึงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการเรียนภาษาอังกฤษ ฝึกฝนอย่างหนักเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย โดยเชื่อว่าหากมีรากฐานภาษาอังกฤษที่ดีแล้ว ในอนาคตจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น
ทำให้จากลูกจ้างในร้านเพชร และลูกจ้างอีกหลายธุรกิจ ขอก้าวเข้าสู่เส้นทางเถ้าแก่ ด้วยธุรกิจโรงกลึง ทั้งที่ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อน แต่ต้องทำเพราะด้วยนิสัยหลักคือ 'ไม่เคยปฏิเสธลูกค้า' กอปรกับในช่วงนั้นคิดว่าถ้าไม่ทำงานก็จะเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ จึงขอลองทำดูสักตั้ง! สุดท้ายโรงกลึงกลับกลายเป็นใบเบิกทางให้เขามีธุรกิจที่มั่นคง มีรายได้แตะหลักพันล้านอย่างในทุกวันนี้
“การทำโรงกลึงเรื่องฝีมือเป็นสิ่งสำคัญ ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ห้ามพลาดแม้เพียงนิด เพราะนั่นหมายถึงสัญญาณความไม่มั่นคงในธุรกิจ ซึ่งเราใส่ใจเป็นพิเศษ โดยมีการนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยระดับโลกมาใช้งาน และมีการขยายปริมาณและความสามารถในการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยกระดับปรับปรุงมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ทำให้ปัจจุบันเราสามารถขยายธุรกิจออกไปได้หลายประเภท เช่น การทำแม่พิมพ์ โมลดิ้งพาร์ท ส่วนประกอบมือถือสมาร์ทโฟน และชิ้นส่วนโลหะอากาศยาน”
สำหรับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอากาศยานถือเป็นความท้าทายที่คุณบุญเจริญตั้งใจจะทำให้ได้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการแสดงศักยภาพว่าบริษัทสัญชาติไทยแท้ก็สามารถพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน จนได้รับการรับรองมาตรฐาน AS9100 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในการดำเนินธุรกิจนี้ มีขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก และมีความเข้มงวดในการผลิตสูงมาก จึงถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากของผู้ประกอบการไทย
“หลังจากที่เราทำธุรกิจด้านชิ้นส่วนมาหลายสิบปี ก็อยากหลอมรวมทักษะต่างๆ มาสู่การผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งพื้นฐานส่วนใหญ่มาจากงานกลึงที่เรามีความเชี่ยวชาญอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่งานด้านชิ้นส่วนยานยนต์ก็ผ่านมาหมด แต่การทำชิ้นส่วนอากาศยานจะมีความยากกว่า และต้องมีมาตรฐานที่สูงกว่าเช่นกัน โดยในช่วง 10 ปีแรกเรายอมรับว่าเราประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอดเพราะอยู่ในช่วงทดลอง ต้องแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานให้ตรงตามสเปก จนเป็นที่ไว้วางใจของบริษัทต่างชาติ ทั้งยุโรป และอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก จากนั้นในอีก 2 ปีที่ผ่านมาเราก็ผลิตสินค้าส่งออกได้จริง"
ปัจจุบันบริษัท ซี.ซี.เอส.มีมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนอากาศยานต่อปีประมาณ 350 ล้านบาท หรือมียอดการสั่งผลิตประมาณ 20,000 ชิ้น/เดือน ซึ่งสูงสุดสำหรับบริษัทสัญชาติไทยที่มีเจ้าของเป็นคนไทย โดยชิ้นส่วนอากาศยานที่ทางบริษัทฯ ผลิตเพื่อส่งออกนั้นจะเป็นชิ้นส่วนในเครื่องบินโบอิ้ง 787, 777, 737 และเครื่องบินแอร์บัส A320-NEO และ A380 เป็นต้น โดยเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินในระบบเบรก ระบบคลังสินค้า ระบบเซ็นเซอร์ รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับการตกแต่งภายใน อย่าง อุปกรณ์ด้านแสงสว่าง เก้าอี้ภายในห้องโดยสาร ซึ่งมีการจ้างพนักงานประมาณ 1,300 คน
ก้าวต่อไปของบริษัท ซี.ซี.เอส. ผู้บริหารมองว่าจะขยายเครือข่ายในระดับโลก พร้อมทั้งมีการนำระบบสากลในอุตสาหกรรมอากาศยานที่เรียกว่า “United Technology Aerospace System” มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ จึงถือเป็นธุรกิจที่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเต็มตัว โดยพยายามสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่งด้วยการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจ และเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
***สนใจติดต่อ 0-2443-6996, 0-2443-6969 หรือที่ www.ccsgroups.com***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *