xs
xsm
sm
md
lg

“เอสเอ็มอีแบงก์” เปิดโซน Startup Center หนุนคนรุ่นใหม่ทำธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ แถลง  “ผลการดำเนินงานเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 และการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs”
“เอสเอ็มอีแบงก์” เผยผลดำเนินงาน ณ สิ้นเดือน ก.พ. ยอดกว่า 151 ล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เกือบ 7 พันล้าน หนี้เสียเหลือ 23,452 ล้านบาท ส่วนยอดร่วมทุน 3 ราย ยอดเงิน 15 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการ จัดโซน Co-Working Space เปิดโอกาสให้กลุ่ม Start up และรายย่อยดำเนินกิจการอยู่แล้วมาใช้เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวได้

นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) แถลงผลการดำเนินงานของเอสเอ็มอี ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท นับเป็นกำไรต่อเนื่องจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพดีได้มากขึ้น ทำให้มีดอกเบี้ยรับเพิ่ม และมีการควบคุมดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับไม่สูงเกินไป โดยรวม 2 เดือน (มกราคม-กุมภาพันธ์) ธนาคารมีกำไรสุทธิรวม 341 ล้านบาท

ส่วนการปล่อยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เอสเอ็มอีแบงก์มียอดเงินให้สินเชื่อรวมคงค้าง 89,296 ล้านบาท ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2559 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้รวม 6,909 ล้านบาท ให้แก่ลูกหนี้ 2,316 ราย เฉลี่ยการปล่อยกู้ต่อราย 2.98 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 4% สินเชื่อ Soft Loan และสินเชื่อ Policy Loan ที่กำลังเร่งดำเนินการปล่อยกู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยๆ โดยสินเชื่อต่อรายเฉลี่ยเดือนมกราคม 3.04 ล้านบาท และสินเชื่อต่อรายเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ 2.72 ล้านบาท

ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้นกุมภาพันธ์ 2559 ธนาคารมี NPLs คงเหลือ 23,276 ล้านบาท (คิดเป็น 26.07% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากสิ้นปี 2558 ที่มี NPLs อยู่ที่ระดับ 23,452 ล้านบาท (คิดเป็น 27.23% ของสินเชื่อรวม) ทั้งนี้ NPLs ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงจากเดือนมกราคม ปี 2559จำนวน 319 ล้านบาท เป็นผลมาจากระบบการบริหารติดตามคุณภาพลูกหนี้ของธนาคาร (Loan Monitoring) สามารถสกัดไม่ให้ลูกหนี้ตกชั้นได้ดีขึ้น กอปรกับธนาคารสามารถปรับโครงสร้างลูกหนี้ได้มากขึ้น แม้จะอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม

สำหรับโครงการร่วมลงทุน ขณะนี้ธนาคารได้ร่วมลงทุนโดยอนุมัติหลักการไปแล้ว 3 กิจการ รายละ 5 ล้านบาท รวม 15 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท ฟรุ๊ตต้า จำกัด ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มธัญญพืชเพื่อสุขภาพ บริษัท ไทยริชฟู๊ดส์ จำกัด ธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมไทยแช่แข็ง และบริษัท บ้านผลไม้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้แปรรูปได้รับ OTOP 5 ดาว นอกจากนั้น กำลังเจรจาเข้าร่วมลงทุนอีก 3 ราย วงเงินประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจด้านเกษตรแปรรูป และซอฟต์แวร์ด้านไอทีคลังสินค้า และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมอีก 20 กิจการ วงเงินรวม 370 ล้านบาท คาดว่าภายในกลางปีนี้ ยอดรวมทุนจะมีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
โซน Co-Working Space
นางสาลินีกล่าวด้วยว่า ในปีนี้ทางเอสเอ็มอีได้จัดสรรงบประมาณ 30% จากกำไร เพื่อมาใช้สำหรับพัฒนาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ตามภารกิจหลักของธนาคารที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยโครงการใหม่ล่าสุด ธนาคารเปิดตัวโครงการ Co-Working Space เพื่อให้แก่ผู้ประกอบการ ประเภท Startup และดำเนินกิจการอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีสถานที่ทำงานของตนเอง ให้สามารถมาใช้พื้นที่โซน Co-Working Space เป็นที่ทำงานชั่วคราวได้ โดยจัดไว้บริเวณชั้น 1 ของอาคารเอสเอ็มอีแบงก์สำนักงานใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์

ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ที่นั่งโต๊ะทำงาน, Mini Office และ Meeting Room หรือ Seminar Room มากกว่า 100 ที่ พร้อมระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Wi-Fi) Printer Multi-Function 100 ที่ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถมาใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมในรูปแบบของ S-Talk, S-Class, S-Cafe’, S-Counselor และ S-Pitching ให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากกูรูหรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านอย่างใกล้ชิด พร้อมการนำเสนอโครงการต่อนักลงทุน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยผู้ประกอบการที่สนใจให้ลงทะเบียนได้ที่โทร. 1357 รองรับได้จำนวน 100 รายต่อวัน

“สำหรับผู้ประกอบการ Startup หรือรายเล็กๆ ที่ดำเนินกิจการอยู่แล้ว การจะให้เช่าหรือซื้อสถานที่เพื่อเปิดเป็นสถานประกอบการจะเป็นภาระที่สูง ดังนั้น เอสเอ็มอีแบงก์จึงจัดโซนดังกล่าวขึ้น ซึ่งเป็นโมเดลที่ต่างประเทศนิยมใช้กัน โดยประโยชน์นอกเหนือจากผู้ประกอบการจะมีพื้นที่ดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นที่เจรจาธุรกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการกันเอง และกับรายใหญ่” นางสาลินีกล่าว

ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ เผยด้วยว่า แนวทางพัฒนาผู้ประกอบการ ทางธนาคารได้สนับสนุนผู้ประกอบการ Startup และ SMEs ที่ประกอบกิจการอยู่แล้ว ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านต่างๆ ดังนี้

(1) สนับสนุนนักเรียนนักศึกษาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในโครงการปั้นธุรกิจพิชิตเงินแสน โดยเอสเอ็มอีแบงก์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนและเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยกับบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการสืบเนื่องจากงานสุดยอด SMEs ของดีทั่วไทย คลองผดุงกรุงเกษม เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรับสมัครนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ เข้าประกวดในโครงการ โดยบริษัทเดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนเงินทุน 1,000,000 บาท มีนักเรียนนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือก 11 ราย ที่จะได้รับทุนเบื้องต้น รายละ 20,000 บาท และจะมีการคัดเลือกอีกครั้งเพื่อให้ทุนสนับสนุนไปเริ่มต้นธุรกิจ โดยมีเอสเอ็มอีแบงก์พร้อมให้เงินทุนเพื่อต่อยอดเติบโต พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำในเชิงธุรกิจและการตลาดต่อไป

(2) สนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs-Startup ผ่านศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (Science Park) ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้เข้าเป็นภาคีใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งมีนวัตกรรมเชิงวิจัย เช่น มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยสงขลา ซึ่งทั้งสองมหาวิทยาลัยดังกล่าวจะมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs-Startup ช่วยพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ในการทำธุรกิจต่อไป

(3) สนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ที่เป็น Social Enterprise โดยเป็นธุรกิจที่ทำประโยชน์เพื่อชุมชนช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ได้หวังกำไร

นอกจากนั้น ยังดำเนินโครงการประชารัฐสุขใจ Shop ธนาคารยังได้เข้าร่วมในโครงการร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนให้นำสินค้าไปวางขายที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ 148 ร้านค้า โดยเอสเอ็มอีแบงก์เป็นหนึ่งในหน่วยงานร่วมดำเนินการคัดเลือกสินค้า และช่วยปรับปรุงมาตรฐานสินค้าของชุมชน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย (พช.) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และเอสเอ็มอีแบงก์ ที่โครงการจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนเมษายน 2559 นี้

อีกทั้ง ธนาคารจัดอบรมหลักสูตรสิทธิประโยชน์บัญชีเดียวทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลดึงผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้าธนาคาร จดแจ้งมาตรฐานบัญชีเดียวกับกรมสรรพากร ซึ่งธนาคารได้จัด อบรมทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้าเข้าร่วมอบรมกิจกรรมประมาณ 5,000 ราย และในจำนวนดังกล่าว มีลูกค้าของธนาคารจาก 27 จังหวัด ที่เข้าจดแจ้ง 100%

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น