ใครจะเชื่อว่าวันนี้ดินแดนในฝันของใครหลายคน อย่าง ประเทศเกาหลีใต้ จะถูกยกมาไว้ในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ที่ไม่ใช่แค่เพียงอากาศหนาวที่เป็นอยู่นี้ แต่ยกมาทั้งร้านอาหารที่เพียงก้าวเท้าเข้าไปในร้าน “ติ่งเกาหลี” ก็ไม่ต่างจากคุณได้เข้าไปอยู่ในซีรีส์เกาหลี ที่เจ้าของธุรกิจรายนี้ตั้งใจคงคอนเซ็ปต์เพื่อเอาใจแฟนพันธุ์แท้โดยเฉพาะ
ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากกับการลิ้มรสอาหารจากแดนกิมจิ ดื่มด่ำเซจูรสละมุน ภายใต้บรรยากาศร้านติ่งเกาหลี กับเต็นท์ที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าพลาสติกใส ที่เราๆ ท่านๆ ที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีตัวยงต้องเคยผ่านตามาบ้าง ในบรรยากาศท่ามกลางอากาศหนาว ลมพัดเย็นสบายไม่ต่างจากแดนกิมจิ
“ติ่งเกาหลี” แค่ชื่อก็ให้ความรู้สึกแล้วว่า ร้านอาหารนี้นอกจากจะมีอาหารเกาหลีให้ได้ลิ้มลองแล้ว ยังต้องได้สัมผัสบรรยากาศเสมือนแดนกิมจิก็ไม่ปาน ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่เจ้าของธุรกิจคู่นี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ “นายณัฐพล เครือนก (เฟรม)” และ “นางสาวสวลี จิรพันธ์พิพัฒน์ (จูเนียร์)” เผยถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจนี้ว่า เกิดจากความชอบส่วนตัวของทั้งคู่ที่มักใช้เวลาว่างดูซีรีส์เกาหลี ซึ่งก็เหมือนกับคนไทยหลายคนที่ติดกันงอมแงม โดยเสน่ห์ของซีรีส์เหล่านี้หนึ่งในนั้นคือ การทำอาหาร ที่ยั่วน้ำลายให้ผู้ชมขอลองลิ้มสักครั้ง หรือแม้กระทั่งบรรยากาศของร้านอาหารริมถนน เป็นเต็นท์ที่มีผ้าพลาสติกมาคลุมไว้เพื่อกันลมหนาว กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากประเทศไทยโดยสิ้นเชิง
@@@ซีรีส์ 'Oh My Ghost' จุดไฟฝันเริ่มธุรกิจ@@@
ทั้งคู่ยอมรับว่า “อิน” กับอาหารและบรรยากาศเหล่านี้จากซีรีส์เรื่อง 'Oh My Ghost' จึงเริ่มลองทำอาหารเกาหลีด้วยการเปิดสูตรในอินเทอร์เน็ตทำรับประทานกันเอง จนรู้สึกว่าชื่นชอบ ขณะที่ฝีมือและรสชาติก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดจะเปิดร้านอาหารเกาหลี แต่ด้วยความที่เป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีเงินทุนมากนัก ดังนั้นร้านอาหารเกาหลีข้างทางที่เรียกว่า “โพจังมาจา” หรือร้านที่เป็นเต็นท์ตามข้างถนน ข้างทางน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จึงได้นำประสบการณ์จากการเรียนด้านภาพยนตร์มาปรับใช้ โดยหนึ่งในโปรเจกต์ก่อนจบคือ การทำหนังสั้น และด้วยความที่เป็นติ่งเกาหลีอยู่แล้ว ดูซีรีส์มามากมาย ก็คงหนีไม่พ้นต้องทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกาหลี ซึ่งฉากหนึ่งที่ทำขึ้นคือ ร้านอาหารเกาหลีข้างทาง ซึ่งจริงๆ แล้วทำไม่ยากเลย และดูดีหากมีการเซตเพื่อเปิดขายอาหารจริงๆ
@@@แอบแม่จำนำ Mac Book หาทุนก้อนแรก@@@
ครั้งหนึ่งความฝันของทั้งคู่คือสร้างภาพยนตร์สักเรื่อง จึงเลือกเรียนด้านนี้ แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสจริงๆ ก็รู้สึกว่าเป็นความฝันที่ค่อนข้างไกล และต้องใช้เวลา กว่าจะวัดความรู้สึกของผู้ชมได้ว่าชื่นชอบในภาพยนตร์ของพวกเขามาก-น้อยเพียงใด แต่สำหรับอาหารจะรับรู้ได้ทันที เมื่ออาหารเข้าปากคนกิน และเมื่อได้มีการทำร้านให้เหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์ ก็เป็นความฝันที่ทดแทนกันได้
ดังนั้นทั้งคู่จึงขอขัดใจครอบครัวสักครั้ง เลือกไม่ทำงานประจำ แต่ขอเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารเกาหลีข้างทาง ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเงินก้อนแรกนั้นเฟรมได้แอบนำเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac Book ที่มารดาซื้อให้เพื่อใช้งานระหว่างเรียนราคาเรือนแสนไปจำนำ ได้เงินมาเพียงหลักหมื่น หวังนำมาทำทุนซื้ออุปกรณ์สำหรับเปิดร้าน ณ ตลาดหัวมุม Market & More เกษตรนวมินทร์ ตรงข้าม The Walk เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยช่วงแรกทั้งคู่ยอมรับว่าการจัดร้านยังไม่บ่งบอกถึงความเป็นร้านสไตล์โพจังมาจามากนัก จึงไม่สามารถดึงดูดผู้คนได้เท่าที่ควร บางคนนึกว่าเป็นร้านอาหารตามสั่ง เข้ามาสั่งเมนูไทยๆ ยอดนิยมก็มี ประกอบกับช่วงที่เปิดร้านเป็นฤดูฝน ลำพังร้านลักษณะเต็นท์ก็ค่อนข้างลำบาก ซึ่งทั้งคู่ก็รู้สึกท้อบ้าง แต่ไม่ถอย อาศัยช่วงไม่มีลูกค้าเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารเกาหลีเพิ่มเติมจากเชฟที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ที่ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานให้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่การหั่นผัก ที่แม้จะเป็นผักชนิดเดียวกัน แต่หากหั่นในรูปแบบที่แตกต่างก็จะให้รสชาติที่ต่างกันไปด้วย
@@@เพียง 3 เดือน จากรายได้หลักร้อย ทะยานหลักหมื่น@@@
ช่วงเดือนแรก “ร้านติ่งเกาหลี” ต้องประสบภาวะขาดทุนเพราะขายอาหารได้เพียงหลักร้อย แต่เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 2-3 รายได้ก็เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 บาท กระทั่งมีลูกค้าเข้ามาชิม และเขียนรีวิวลงในเว็บไซต์ชื่อดัง แค่เพียงสัปดาห์เดียวรายได้ทะยานสู่หลักหมื่น ลูกค้าต้องเข้าคิวรอเป็นชั่วโมง ทำให้พวกเขาคิดขยายสาขา เพื่อรองรับลูกค้าให้เพียงพอ ดังนั้นเมื่อเดือนธันวาคม 58 ได้มีสาขาแฟรนไชส์ 7 แห่ง กระจายตามมุมเมือง ได้แก่ สาขาตลาดรถไฟฟ้า Siam WestGate บางใหญ่, สาขานครปฐม ถ.ยิงเป้า ตรงข้ามผับ 123, สาขาระยอง ตรงข้ามอัมรินทร์คาเฟ่ ข้างสเต็กลุงใหญ่, สาขาตลาดรถไฟ ศรีนครินทร์, สาขาตลาดรถไฟ รัชดา และสาขาหลังมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
@@@แฟรนไชส์ลงทุน 2 แสน @@@
หลังแฟรนไชส์ 7 สาขากระจายตามมุมเมืองก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าทั้งที่เป็นติ่งเกาหลี และคนทั่วไปที่ต้องการมาสัมผัสร้านลักษณะนี้ ทำให้ทั้งคู่มองการขยายสาขาไปตามต่างจังหวัด โดยล่าสุดเตรียมขยายไปที่ จ.นครราชสีมา และพัทยา ส่วนภูเก็ต หากมีคนสนใจก็ยินดีที่จะขยาย สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์อยู่ที่ 2 แสนบาท ได้คอนเซ็ปต์ร้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เต็นท์, ผ้าใบ, โต๊ะเหล็กสีแดง, ภาชนะ โดยภายในร้านจะเปิดเพลงในซีรีส์ต่างๆ ยอดนิยมเพื่อเพิ่มบรรยากาศ และทำให้ลูกค้าเมื่อก้าวเข้ามาในร้านจะต้องสัมผัสได้ถึงความเป็นเกาหลี แม้ด้านนอกจะเป็นประเทศไทยก็ตาม ซึ่งคอนเซ็ปต์เหล่านี้ทางเจ้าของธุรกิจใส่ใจเป็นพิเศษ
ขณะที่อาหารจะส่งตรงจากครัวกลางที่ปรุงมาสำเร็จแบบกึ่งสำเร็จรูป เพียงนำมาทำให้ร้อน เช่น การผัด ต้ม ทอด ก็พร้อมเสิร์ฟลูกค้าได้ทันที โดยปัจจุบันมีกว่า 10 เมนู เช่น ไก่ทอดแสบติ่ง (80 บาท/5 ชิ้น) ที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง, บลูดักดับเบิลชีสพ่นไฟ (129 บาท) กิมจิชิเกะ (ซุปกิมจิ) หมู-ไก่, พุลโกกิหมู, ผัดกิมจิ, บิบิมบัพ (ข้าวยำเกาหลี), จาจังมยอน และต็อกโบกี เป็นต้น ขณะที่เครื่องดื่มยอดฮิต อย่าง โซจู (199 บาท/ขวด) ก็มีให้ลิ้มลอง โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูใหม่เข้ามาเรื่อยๆ
@@@ตั้งเป้าขยายไม่เกิน 20 สาขาในปี 59 @@@
สำหรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งคู่จะเน้นไปที่การขยายสาขาไปตามจังหวัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ไม่เกิน 20 สาขาในปี 59 เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ ลำปาง ซึ่งต้องเป็นตลาดกลางคืนเท่านั้น เพราะร้านติ่งเกาหลีจะเปิดบริการตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไปเพื่อคงคอนเซ็ปต์ร้าน รวมถึงต้องมีที่จอดรถกว้างขวาง มีพื้นที่ประมาณ 80 ตร.ม. ก็สามารถเปิดร้านได้
ถึงแม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการอาหารเกาหลี แต่ด้วยความตั้งใจ และไฟของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เชื่อแน่ว่าร้านติ่งเกาหลีจะไม่เป็นเพียงกระแส แต่จะเป็นอีกหนึ่งวิถีของผู้คนที่เลือกรับประทานอาหารเกาหลีข้างทางในราคาย่อมเยา
***สนใจติดต่อ 06-1995-2123 หรือที่ Facebook: ติ่งเกาหลี***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *