ผู้ที่เกิดและเติบโตมากับท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร ได้ยินการเล่าขานถึงตำนานเรือฉลอมมาตั้งแต่เกิด แต่กลับสงสัยว่าเรือหายไปไหน และรูปลักษณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร สุดท้ายความใฝ่รู้กลายเป็นความท้าทายในการรังสรรค์เรือฉลอมจำลอง หวังอนุรักษ์ให้ลูกหลานและผู้สนใจในศิลปะแห่งเรือฉลอมได้ย้อนอดีตสู่ครั้งวันวานเส้นทางการค้าแห่งลุ่มน้ำท่าฉลอม กับ “กลุ่มเรือจำลองฉลอมชายฝั่ง”
ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อหลายร้อยปี 'เรือ' เป็นพาหนะสำคัญสำหรับการค้าขาย โดยเฉพาะตามลุ่มแม่น้ำต่างๆ จะเห็นเรือเล็กหลากหลายชนิดรอจอดที่ท่าหลังนำเรือออกไปรับสินค้าบริเวณปากอ่าว แต่ปัจจุบันเมื่อถนนมีความสำคัญกว่าแม่น้ำผู้คนเลือกใช้สัญจร ทำให้เรือเหล่านี้เริ่มหายไป ทำให้ “ธงชัย สายแสงจันทร์” คนท่าฉลอมตั้งคำถามกับตัวเองว่า 'เรือฉลอมหายไปไหน?' พร้อมความสับสนในรุ่นคุณพ่อที่มักถกเถียงเรื่องความต่างระหว่าง 'เรือฉลอมกับเรือโป๊ะ' ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ทำให้เขาต้องหาคำตอบ...
“ผมเป็นคนท่าฉลอมโดยกำเนิด แต่กลับไม่เคยเห็นเรือฉลอมเลย จึงอยากรู้ว่าหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร และทำไมถึงหายไป ซึ่งผมสนใจในเรื่องเรือมาตั้งแต่เด็ก แต่ยอมรับว่ายังไม่มีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะทำงานประจำในโรงงานชุดชั้นในซาบีน่า ตำแหน่งช่างศิลป์ และออกแบบดิสเพลย์ให้บริษัทฯ กระทั่งปี 2540 ได้ลาออกมา จึงเริ่มหาข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์เรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กับเกจิด้านเรือจำลองโดยตรง”
เขาเริ่มทำเรือฉลอมจำลองอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2549 พร้อมจดทะเบียนขึ้นเป็นสินค้าโอทอป นำไปจำหน่ายที่เมืองทองธานี ที่นอกจากจะทำให้คนรู้จักมากขึ้นแล้ว ยังมีลูกค้ามาสอบถามเรือชนิดอื่นๆ ซึ่งเหมือนเป็นการท้าทายความสามารถของเขา ทำให้ปัจจุบันกลุ่มเรือฉลอมชายฝั่งจำลอง มีตั้งแต่เรือฉลอม เรือสำเภาจีน เรือตรวจการณ์ และเรือประมงลากแคระ แต่อย่างไรแล้วเขาจะทำแต่เรือไทยในอดีตที่สูญหายไปแล้ว หรือกำลังจะเลือนหายไปเท่านั้น
ล่าสุดธงชัยได้รับรางวัล “เชิดชูครูช่าง” จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ในแง่การอนุรักษ์เรือฉลอมไม่ให้ขาดช่วง ซึ่งขณะนี้เรือฉลอมมีทั้งหมด 9 แบบ เช่น เรือฉลอมใบเดียว, สองเสา, แบบเก๋ง, เก๋งมีประทุน, เรือยนต์ เรือฉลอมมลายู และเรือพ่วง ซึ่งเรือแต่ละชนิดจะมีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ
โดยจุดเด่นของเรือฉลอมชายฝั่งจำลอง คือ เป็นเรือกินน้ำตื้น ที่ออกแบบและผลิตตามสัดส่วนของจริงทั้งหมด จะลดสเกลลงมา ส่วนฐานจะทากาวเพื่อยึดเรือไว้ สะดวกแก่การขนส่ง ขณะที่ราคาขายเรือฉลอมอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท เรือสำเภาราคาตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเรือทั้งสองชนิดนี้เป็นเรือขายดี ของกลุ่มนักสะสม ข้าราชการ เจ้าของโครงการธุรกิจ เช่น รีสอร์ต โรงแรม บ้านจัดสรร ซึ่งเชื่อว่าการให้ของขวัญเป็นเรือจะช่วยในเรื่องการค้าขาย ร่ำรวย
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคต เขาบอกว่า ไม่ได้เน้นทำงานด้านนี้เป็นเชิงธุรกิจมากนัก เพราะทำด้วยใจรัก และต้องการสานต่อประวัติเรือไทยไม่ให้ขาดช่วง ซึ่งหากมีโอกาสจะทำแหล่งเรียนรู้ชุมชนด้านเรือไทยบริเวณท่าฉลอมเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาเสาะหาข้อมูล รวมถึงมีโครงการจะทำเรืออาเซียนเพื่อเปิดตลาดลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงค้นคว้าหาข้อมูลอยู่ โดยที่ผ่านมาได้ทดลองทำเรือกอแระทางฝั่งอันดามันไปบ้างแล้ว
เรียกได้ว่าฝีมือการทำเรือฉลอมจำลองไม่น้อยหน้าใคร ใส่ใจในทุกรายละเอียด ควรค่าแก่การสะสมและอนุรักษ์ผลงานให้ลูกหลานได้เห็นเพื่อย้อนรอยประวัติศาสตร์กันต่อไป
***สนใจติดต่อ 0-3449-7948, 08-5211-1736, 08-1805-8737***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *