สถาบันอาหารเผยผู้บริโภคชาวลาวไม่นิยมอาหารแปรรูป แนะลงทุนต้องใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาแปรรูปผสานเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ เน้นผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่ สปป.ลาวได้สิทธิประโยชน์เป็นหลัก ชี้หากลงทุนตั้งบริษัทขนส่งสินค้าใน สปป.ลาวเพื่อส่งออกไปเวียดนามและจีนตอนใต้จะเป็นผลดีต่อสินค้าผักและผลไม้ของไทย
ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร สถาบันอาหาร ได้เผยแพร่ผลการศึกษาความต้องการของตลาด ศักยภาพและช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าอาหารแปรรูปของไทยใน สปป.ลาว จากกลุ่มตัวอย่างในเขตเวียงจันทน์ สะหวันนะเขต หลวงพระบาง และแขวงคำม่วน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 60 เป็นผู้มีอายุระหว่าง 19-32 ปี ร้อยละ 43 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย-อนุปริญญา ร้อยละ 40.5 มีรายได้น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน และมีรายได้ระหว่าง 10,000-20,000 บาทต่อเดือนร้อยละ 40.5 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 35.5 เป็นนักเรียน นักศึกษา รองลงมาคือรับราชการ
ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านมากถึงร้อยละ 97.0 โดยนิยมปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ มีเพียงร้อยละ 3 ของกลุ่มตัวอย่างเท่านั้นที่ไม่เคยปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้าน โดยนิยมซื้อวัตถุดิบเนื้อสัตว์ ปลา ผักสดเป็นประจำทุกวัน ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการซื้ออาหารจำนวนครั้งละน้อยๆ และรับประทานให้หมดในคราวเดียว และร้อยละ 57.0 ไม่เคยใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร ส่วนอีกร้อยละ 57.5 ไม่เคยใช้บริการสั่งอาหารแบบดีลิเวอรีมารับประทาน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.5 ที่เคยใช้บริการสั่งอาหารแบบดีลิเวอรีมารับประทานนั้น ระดับความถี่ของการสั่งคือ มากกว่า 1 เดือนต่อครั้ง
สำหรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารสำเร็จรูป/กึ่งสำเร็จรูป ความถี่ในการรับประทานบะหมี่/ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูปแช่เย็น/แช่แข็ง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอาหารแปรรูปกระป๋องมีความถี่ในการรับประทาน 1-2 ครั้งเดือนมากที่สุด ส่วนอาหารแปรรูป กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 80 เลือกบริโภคอาหารแปรรูป ได้แก่ ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและธัญพืช ขนมปังกรอบ ในระดับความถี่ 1-2 ครั้งต่อเดือน ส่วน ขนมหวานจำพวกวุ้น เยลลี หมูยอ กุนเชียง หมูหยอง แหนม และผักผลไม้แปรรูป: ดอง แช่อิ่ม อบแห้ง บริโภคในระดับความถี่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับเครื่องดื่ม กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 90 เลือกบริโภคเครื่องดื่มสำเร็จรูป ได้แก่ เครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ชา กาแฟ น้ำปั่น นมพร้อมดื่ม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต โดยมีความถี่ในการบริโภค 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่ากันทุกชนิด ขณะที่เครื่องดื่ม low calories/sugar free และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์:ไวน์ เหล้า เบียร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกบริโภคในอัตราร้อยละ 83 และ 90 ตามลำดับ และมีความถี่ในการบริโภค 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนผลิตและการตลาดใน สสป.ลาว ปัจจุบันอาหารแปรรูปหลายกลุ่มไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวลาว ดังนั้นกลุ่มลูกค้าจะเหลือเพียงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานหรือทำธุรกิจใน สปป.ลาว และชาวลาวบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มที่ได้รับการศึกษามาจากต่างประเทศ มีความคุ้นเคยกับการบริโภคอาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งกลุ่มคนมีฐานะดีที่ต้องการใช้ชีวิตตามแบบสมัยใหม่ เป็นต้น แม้ว่าภาครัฐของ สปป.ลาวจะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจอาหารแปรรูปและสินค้าเกษตรแปรรูป
ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญหากต้องการเข้าไปลงทุน คือการนำเทคโนโลยีที่เป็นที่ต้องการเข้ามาทำการผลิตใน สปป.ลาว และใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาแปรรูป โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่ สปป.ลาวได้สิทธิประโยชน์เป็นหลัก เพราะตลาดใน สปป.ลาวยังมีขนาดเล็กเกินไป โดยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในท้องถิ่น เนื่องจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ เรื่องต้นทุนที่ดินเพื่อปลูกสร้างโรงงานและสถานที่ที่ใช้ในการประกอบการ ตลอดจนการติดต่อประสานงานในการดำเนินการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ อีกธุรกิจที่น่าสนใจนอกจากด้านการแปรรูปอาหาร คือ นักลงทุนไทยสามารถไปตั้งบริษัทใน สปป.ลาวเพื่อขนส่งสินค้าไปเวียดนามและจีน หรือร่วมทุนกับนักธุรกิจเวียดนามเพื่อขนส่งสินค้าไปป้อนตลาด สปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากรถขนสินค้าจาก สปป.ลาวสามารถขนสินค้าไปได้ทั่วทั้งชายแดนไทย เวียดนาม และจีน ต่างจากรถขนส่งจากไทยที่ไปได้ถึงบริเวณชายแดน สปป.ลาวเท่านั้น รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนภาษีนำเข้าสินค้าที่ส่งไปขายที่จีนตอนใต้ได้ด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *