กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รุกช่วยชาวไร่อ้อย จับมือ ธ.ก.ส. ปล่อยกู้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกว่า 1,600 ล้านบาท หวังช่วยเพิ่มค่าอ้อย ให้ชาวไร่ 150,000 ราย ตันละ 160 บาท เล็งชำระเงินกู้หลังขึ้นราคาน้ำตาลอีก 5 บาท/กก. เชื่อราคาน้ำตลาลตกต่ำ จากค่าเงินเรียวของบราซิลอ่อนตัว เร่งเทขายน้ำตาลราคาถูก
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาน้ำตาลที่ตกต่ำ ทำให้ชาวไร่อ้อยขาดทุนและขาดรายได้ ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงให้ความเห็นชอบช่วยเหลือชาวไร่อ้อยได้รับผลตอบแทนจากการขายอ้อยฤดูการผลิตปี 2557/2558 ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตมากที่สุด
โดยมอบหมายให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 16,953.44 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย 150,000 ราย ตันละ 160 บาทสำหรับผลการผลิตรวม 105.95 ล้านตัน จากพื้นที่ปลูก 10.53 ล้านไร่ และเพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปอย่างเร็วและโปร่งใสถูกต้องสามารถตรวจสอบได้ จึงตั้งคณะทำงานตรวจสอบกำกับการจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยฤดูการผลิตปี 2557/2558 ตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง
“การที่เราเลือก ธ.ก.ส. ในการขอสินเชื่อ เพราะทางแบงก์ให้ข้อเสนอเงินกู้ดีที่สุด โดยคิดดอกเบี้ยผ่อนปรนร้อยละ 4.25 ต่อปี ซึ่งการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อคณะกรรมการของ ธ.ก.ส.จะประชุมพิจารณาคำขอสินเชื่อของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2558 และ ธ.ก.ส.จะจัดพิธีลงนามสัญญาเงินกู้วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 สำหรับการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าว
ทั้งนี้คาดว่า ธ.ก.ส.จะจ่ายเงินสำหรับเกษตรกรรายที่ส่งเอกสารครบถ้วนถูกต้องและได้รับการตรวจสอบแล้วภายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ โดยงวดแรกจะจ่ายร้อยละ 80 ของรายชื่อในวันแรก และร้อยละ 90 จ่ายเสร็จภายใน 1 เดือนเท่านั้น ขณะที่การชำระคืนเงินกู้จะใช้เงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลกิโลกรัมละ 5 บาท นำไปชำระเดือนละ 1,000 ล้านบาท ส่วนภาพรวมหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมียอดหนี้เดิมที่กู้ฤดูการผลิตปี 2549/2550 ซึ่งวางแผนชำระหนี้เสร็จปี 2563 แบ่งชำระหนี้ ธ.ก.ส.ปีละ 450 ล้านบาท ล่าสุดยังเหลือหนี้อีก 2,100 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่กู้เงินช่วยค่าอ้อยปีที่แล้ว คือ ฤดูการผลิตปี 2556/2557 ยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก 4,700 ล้านบาท คาดอีก 4 เดือนชำระส่วนนี้หมด
สำหรับสถานะกองทุนฯ ยังเป็นบวก กองทุนฯ จึงจัดสรรเงิน 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 บาท สินเชื่อช่วยภัยแล้งแก่ชาวไร่อ้อย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ผ่อนชำระ 4 ปี เพื่อให้เกษตรกรนำไปขุดสระ ทำระบบน้ำหยด และน้ำบาดาล โดยให้กู้รายละสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท หากภาพรวมชาวไร่อ้อยต้องการวงเงินสินเชื่อมากกว่านี้ก็จะพิจารณาอนุมัติเพิ่มสินเชื่อได้อีก
นอกจากนี้นายอาทิตย์ ยังกล่าวด้วยว่า ค่าเงินเรียวของบราซิลที่อ่อนค่าลง ทำให้บราซิลนำน้ำตาลออกมาขายในตลาดราคาต่ำลงกระทบชาวไร่อ้อยไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม น้ำตาลไทยสามารถขายไปแล้ว โดยราคาเฉลี่ยที่ 15 เซนต่อปอนด์แม้ขณะนี้ราคาตลาดโลกต่ำกว่า
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
