เมื่อไอเดียเมื่อ 20 ปี ที่แล้วถูกรังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง เปี่ยมประโยชน์ใช้สอยอย่าง “หมอนรองเขียน” แบรนด์บ้านบุศรินทร์ (Ban Busrin Lap Desk) ที่แม้ทำขายมานาน 12 ปีแล้ว แต่ขาดการโปรโมตอย่างจริงจัง ทำให้ปี 58 พร้อมรุกตลาดเต็มที่ เพราะเชื่อว่าหมอนรองเขียนถึงเวลาบูม! แล้ว จากคุณสมบัติตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้ตรงจุด
คำว่า “หมอนรองเขียน” หลายคนอาจได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก แต่มีกลุ่มคนที่ซื้อไปใช้งานต่างติดอกติดใจในคุณสมบัติที่หลากหลาย แถมพกพาไปได้ทุกที่มานานกว่า 10 ปี วันนี้ “ทัศน์พาชื่น (ภักดีกุล) นิตยะ” เตรียมบุกตลาดอย่างจริงจัง เพียงเพราะเธอคิดว่า 'ถึงเวลาแจ้งเกิดหมอนรองเขียน' สักที
'ใช้เป็นหมอนรองแล็ปท็อป (Lap Top) วางบนตักเพื่อกันความร้อน, รองถาดอาหารระหว่างดูทีวี, วางหนังสืออ่านบนรถ, วางบนพื้นให้เด็กทำการบ้านตามอัธยาศัย หรือให้เป็นของขวัญได้ทุกโอกาส' สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เธอมุ่งมั่นในธุรกิจนี้ แต่แนวคิดดังกล่าวถือว่ามีมานานกว่า 20 ปีเมื่อครั้งเธอเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่กำลังศึกษาต่อในต่างประเทศ และเห็นบอร์ดที่ทำจากกระดาษแข็งถูกนำมาใช้เป็นแผ่นรองสารพัดประโยชน์ แต่ด้วยความที่เป็นกระดาษเมื่อใช้เป็นเวลานานจะเกิดการบวมได้ง่าย ทำให้อายุการใช้งานไม่คงทน
ดังนั้นจึงให้ลูกชายช่วยออกแบบ โดยผู้เป็นมารดาเป็นผู้บอกโจทย์ความต้องการ สุดท้ายมาลงตัวที่การเลือกใช้แผ่นไม้อัดชนิดบางนำมาหุ้มด้วยผ้าลวดลายสวยงาม ขณะที่ด้านล่างจะบรรจุเม็ดโฟมเพื่อความนิ่ม แต่ขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติยึดเกาะ และปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ตามพื้นที่ที่นำไปตั้งวาง ซึ่งเมื่อผลงานสำเร็จ เธอทดลองใช้กับลูกที่กำลังอยู่ในวัยเรียน และเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
“ช่วงนั้นเราทดลองใช้งานจริงกับลูกชายเลย เริ่มตั้งแต่การไปรับ-ส่งลูกจากโรงเรียน ในตอนเช้าให้รับประทานอาหารบนรถก็ใช้หมอนรองเขียน และเมื่อไปรับเพื่อเรียนว่ายน้ำต่อ จึงจำเป็นต้องให้ลูกรับประทานอาหารบนรถเช่นกัน และเมื่อไปถึงสระว่ายน้ำก็ให้ลูกทำการบ้านบนหมอนชนิดนี้ระหว่างรอโค้ช แถมยังกลายเป็นหมอนได้ด้วย เพียงพลิกกลับก็ให้เด็กๆ พักผ่อนเมื่อซ้อมเสร็จ ถือว่าหมอนรองเขียนสารพัดประโยชน์จริงๆ”
จากนั้นเธอจึงผลิตเพื่อจำหน่ายในร้านอาหารบ้านบุศรินทร์เพียงแห่งเดียว โดยไม่ได้ทำตลาดอย่างจริงจัง กระทั่งมาถึงยุคนี้ที่ผู้คนมีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย อย่างไอแพด โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ซึ่งหากมีหมอนรองเขียนเป็นที่รองรับน้ำหนักก็น่าจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี
ย่างเข้าปี 2558 เธอตัดสินใจรุกตลาดผลิตภัณฑ์นี้อย่างจริงจัง ประกอบกับธุรกิจร้านอาหารที่เธอรู้สึกว่าเริ่มอิ่มตัว ดูแลคนเดียวไม่ค่อยไหวจากปัญหาสุขภาพที่ถือเป็นงานหนักสำหรับคนวัย 60 ปี ซึ่งหมอนรองเขียนเธอคิดว่าในช่วงนี้จะทำควบคู่ไปกับร้านอาหารก่อน เนื่องจากเป็นงานเบา สามารถควบคุมพนักงานได้ทั้งหมด ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนเป็นงานแฮนด์เมด
ขณะที่ขั้นตอนการทำก็ไม่ยากเลย แถมวัสดุยังหาได้ง่าย อย่าง บอร์ดไม้อัด (หนา 2 มิลลิเมตร) นำมาตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด (12x16 นิ้ว) เม็ดโฟมขนาดเล็ก, ผ้าคอตตอนลวดลายสวยงามตามต้องการ และกาวร้อน จากนั้นนำไม้บอร์ดมาขัดด้วยกระดาษทรายเพื่อลบเสี้ยน และนำมาหุ้มด้วยผ้าที่เตรียมไว้ ซึ่งผ้าที่ใช้ต้องตัดให้ใหญ่กว่าบอร์ดไม้อัด ประมาณ 2 นิ้ว เมื่อหุ้มเสร็จแล้วให้ยึดติดด้วยกาวร้อนให้แน่น จากนั้นวางพักทิ้งไว้ จากนั้นถึงขั้นตอนการทำส่วนที่เป็นหมอน นำผ้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ใหญ่กว่าบอร์ดไม้อัด ประมาณ 5 นิ้ว หลังจากนั้นทำการเย็บมุมทั้ง 4 มุม โดยเย็บให้เฉียงเล็กน้อย เมื่อเย็บเสร็จแล้วตัวของผ้าก็จะมีลักษณะคล้ายกับกระทง จากนั้นนำผ้าที่เย็บมุมแล้วติดลงบอร์ดไม้อัด ทำการยึดติดด้วยกาวเพียง 3 ด้าน โดยเว้นไว้ 1 ด้านสำหรับใช้เป็นช่องว่างในการยัดเม็ดโฟมเข้าไป การใส่เม็ดโฟมเข้าไปในตัวหมอนรองเขียนควรให้พอประมาณ อย่าให้แน่นหรือหลวมเกินไป เมื่อใส่เม็ดโฟมเสร็จแล้วทำการพับด้านที่เหลือติดกับบอร์ดไม้ จากนั้นยึดติดด้วยกาวให้แน่น และนำไม้บอร์ดมาประกบติดกัน ก็จะกลายเป็นหมอนรองเขียนที่สมบูรณ์
ส่วนราคาขายจะแบ่งตามขนาดที่ทำไว้ 2 ขนาด คือ แบบบาง (บรรจุเม็ดโฟมน้อย) 250 บาท และ 300 บาท ชนิดหนา ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามการนำไปใช้งาน สามารถผลิตได้ 30 ใบ/วัน ส่วนอนาคตจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเธอจะบุกตลาดเต็มที่ เริ่มจากการขอขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอป (OTOP) ประจำเขตพญาไท พร้อมเข้าหาหน่วยงานภาครัฐฯ ให้ช่วยเหลือด้านการตลาด โดยเฉพาะการนำสินค้าไปออกงานแสดงสินค้าต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้เตรียมเจาะตลาดอาเซียนที่วาดฝันไว้ว่าจะให้เป็นสินค้าไทยที่คนต่างชาติซื้อเป็นของฝากกลับประเทศ ด้วยการปรับเปลี่ยนเป็นผ้าไหมไทย หรือผ้าฝ้ายทอมือจากฝีมือชาวบ้านก็สามารถทำได้เช่นกัน รวมถึงขณะนี้เธอทำหนังสือตำราอาหารไทยเป็นภาษาอังกฤษ ที่บอกเล่าเรื่องราวอาหารไทย วัตถุดิบ วิธีการทำ รวมถึงแหล่งซื้อวัตถุดิบในต่างประเทศด้วย โดยหวังให้ตำรานี้ช่วยทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักและอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลกได้
ใครที่สนใจหมอนรองเขียน Ban Busrin Lap Desk สามารถไปอุดหนุนสินค้าได้ที่ร้านอาหารบ้านบุศรินทร์ อาคารพญาไทเพลส ชั้น G โทร. 0-2644-7500 หรือที่ www.facebook.com/Banbusrinlapdesk
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *