เชือกขัดซอกฟัน หรือเรียกกันติดปากว่า “ไหมขัดฟัน” ที่ทุกคนใช้อยู่ในปัจจุบันทำจากเส้นใยสังเคราะห์ หรือ “ไนลอน” ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด แต่ด้วยนวัตกรรมคิดค้นโดยคนไทยนำ “เส้นใยไหมธรรมชาติ” มาพัฒนาเป็น “ไหมขัดฟัน” มีคุณสมบัติเหนียวไม่แพ้วัสดุเคมี แถมอ่อนนุ่มไม่บาดเหงือก ดีต่อสุขภาพฟัน และที่สำคัญช่วยลดการนำเข้า มีส่วนเสริมรายได้ให้เกษตรกรไทย
นวัตกรรมดังกล่าวสร้างสรรค์โดย “ชัยพร พัฒนจักร” อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จากจุดเริ่มต้นเป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักเรียนทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์ “เครื่องสาวไหม” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผลิตเส้นใยไหมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
จากที่ได้ประดิษฐ์เครื่องสาวไหม ทำให้เห็นว่าเส้นใยไหมธรรมชาติ ที่ผ่านมาการแปรรูปใช้งานค่อนข้างจำกัด ส่วนใหญ่ทอเป็นผืนผ้าเท่านั้น ในขณะที่เชือกขัดฟันที่ใช้อยู่ปัจจุบันทำจากไนลอนต้องนำเข้า 100% ประเด็นดังกล่าวจึงได้พัฒนา “เครื่องรีดใยไหมขัดฟัน” นำไหมธรรมชาติมารีดเป็นเส้นสำหรับใช้ขัดฟัน
ชัยพรให้ข้อมูลเสริมว่า ริเริ่มประดิษฐ์เครื่องจักรดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2549 โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยพัฒนาจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทว่า ผลงานช่วงแรกพบปัญหาขาดง่าย ความเหนียวสู้ไนลอนไม่ได้ ดังนั้น ได้ประดิษฐ์พัฒนาเครื่องรุ่นใหม่เป็น “เครื่องสาวไหมไฟฟ้าแบบทูอินวัน” โดยมีเทคนิคสำคัญ จะใช้เส้นใยธรรมชาติ 2 เส้นมาพันเป็นเกลียวคู่กันไป พร้อมใช้ขี้ผึ้งแท้เป็นตัวเชื่อมประสาน วิ่งผ่านเครื่องรีดจนเส้นใยที่ออกมาแนบสนิทเป็นเส้นเดียว อีกทั้งยังเคลือบสมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นด้วย
“ผมใช้เวลาวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรตัวนี้กว่าจะลงตัวนานกว่า 4 ปี หลังจากพัฒนาได้เส้นใยที่ต้องการแล้ว ส่งไปทดลองใช้งานจริงกับกลุ่มตัวอย่างบรรดาทันตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลแผนกทันตกรรมใน จ.อุดรฯ และคณะทันตกรรม ม.ขอนแก่น ซึ่งได้รับการการันตีคุณภาพว่าใช้งานได้จริง พร้อมมีจุดเด่นเหนือกว่าใยสังเคราะห์เสียอีก เพราะทำจากเส้นใยธรรมชาติจึงมีเส้นใยที่นุ่มมากกว่า ลดการบาดเหงือก ในขณะที่การพันเป็นเกลียวและเคลือบขี้ผึ้งช่วยให้มีความฝืดมากกว่า จึงขจัดคราบสกปรกได้ดียิ่งขึ้น” นวัตกรไทยเผย
นอกจากนั้น ผลงานดังกล่าว ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น สวทช. สำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เป็นต้น ได้คัดเลือกเป็นตัวแทนผลงานนวัตกรรมของประเทศไทย ไปประกวดผลงานนวัตกรรมนานาชาติ ปี ค.ศ. 2013 ที่ประเทศไต้หวัน (Taipei International Invention Show & Technomart) ซึ่งมีผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้นกว่า 2,000 รายการ โดยไหมขัดฟันธรรมชาติของไทย สามารถคว้ามาได้ถึง 2 รางวัล ได้แก่ Special Awards และ Gold Medal
“สาเหตุที่คณะกรรมการมอบรางวัลให้เรา ด้วยเหตุผลเป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในโลกนี้ และสามารถใช้งานได้จริง เมื่อนำไปใช้งานแล้วสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้ รวมถึงมีความเป็นไปได้ทางพาณิชย์” ชัยพรเสริม
ด้านการตลาดนั้น ดำเนินการโดย บริษัท ยิ้มละไม ไหมขัดฟัน (2010) จำกัด เบื้องต้นในแบรนด์ “Smile floss” อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่ได้มุ่งเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง จะมีขายเฉพาะงานแสดงผลงานนวัตกรรมของภาครัฐ ทว่า นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไปจะออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ พร้อมรีแบรนด์ใหม่เป็น “M Press” ในราคา 79 บาท (ความยาว 25 เมตร) อาศัยขายผ่านเซเว่น แค็ตตาล็อก และเตรียมจะหาตัวแทนส่งขายในกรุงเทพฯ และตามคลินิกทันตกรรม รวมถึงส่งออกต่างประเทศในอนาคต
เจ้าของผลงานนวัตกรรมเผยด้วยว่า การผลิตได้ประสานกับเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกว่า 300 ครัวเรือนใน จ.อุดรราชธานี เพื่อต้องการสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรในท้องถิ่น ขณะนี้มีปริมาณวัตถุดิบเส้นใยที่พร้อมจะส่งมาแปรรูปกว่า 500 กิโลกรัมต่อเดือน ดังนั้นเรื่องวัตถุดิบจึงไม่ใช่ปัญหา
นอกจากนั้น เวลานี้ได้ทำโครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และการแปรรูปเส้นใยไหมครบวงจร เพื่อเปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม เพื่อสร้างความรู้ และให้เกิดการพัฒนา ซึ่งจะช่วยเสริมให้อาชีพการเลี้ยงไหมของเกษตรกรไทยเกิดความยั่งยืน
นี่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมของไทยแท้ๆ ที่นำภูมิปัญญากับวัตถุดิบในท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้จริงแล้ว
โทร. 08-4925-0671 www.ไหมขัดฟัน.com
วิธีการสาวใยไหมด้วยเครื่องสาวไหมไฟฟ้าแบบทูอินวัน มีขั้นตอน ดังนี้ |
1. ใส่รังไหมลงในตะแกรงแล้วนำไปต้มในน้ำเดือด ที่อุณหภูมิ 90-100 องศาเซลเซียส จำนวน 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที แล้วนำออกมาพักไว้ในน้ำธรรมดาครั้งละ 1 นาที สลับกันจนครบ 3 ครั้ง 2. นำรังไหมมาเทใส่อ่างสาวรังไหมในช่องรวมรังไหม ที่มีน้ำอุ่นประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส คัดเลือกรังไหมจำนวน 150 รัง ใส่ที่ช่องสาวไหมใต้พวงสาวของเครื่องสาวไหมทูอินวัน 3. รวบเส้นใยของรังไหมทั้ง 150 รังมารวมกันเป็นเส้นใยไหมหนึ่งเส้น สอดผ่านเส้นใยใต้รูของพวงสาว จากนั้นดึงเส้นใยไหมผ่านตะกร้อพวงสาวสองตัวบนและล่าง แล้วถักเกลียวไหมจำนวนที่ต้องการที่พวงสาวแบบเดินแนล เพื่อให้เส้นใยทั้งหมดมัดรวมกันเป็นเส้นใยเดี่ยว แล้วจึงคล้องผ่านตะกร้อพวงสาวตัวที่ 3 และสอดผ่านรูคันส่ายเพื่อเส้นไหมกระจายเป็นระเบียบ รวบปลายเส้นใยไหมไปไว้ที่อักกรอไหมเพื่อรวบเส้นไหมให้เป็นวงไม่พันกันบนกระบอกพีวีซีของเครื่องสาวไหมทูอินวันจากนั้นเดินเครื่องสาวไหม ในระหว่างนี้ผู้สาวต้องคอยควบคุมจำนวนเส้นใยไหมให้มีขนาดสม่ำเสมอ โดยใช้หลักการเมื่อรังไหมหมดหนึ่งรังต้องเพิ่มรังไหมเข้าไปหนึ่งรังเสมอ 4. นำเส้นใยไหมที่สาวได้ออกจากอักพีวีซีพักไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปขึ้นระวิงสาวไหมเพื่อทำเป็นเข็ดหรือใจไหม เพื่อให้เส้นใยไหมคลายตัวเป็นวงกลม แล้วนำเชือกมาร้อยเป็นพวงแบบหลวมเป็นช่วง ๆ ตามช่วงว่างของระวิงสาวไหม เพื่อไม่ให้เส้นใยไหมพันกันป้องกันไม่ให้เส้นใยไหมรวบเข้าหากัน ขณะที่นำเส้นใยไหมไปผ่านกระบวนการฟอกไหมและจะทำให้การปั่นไหมเข้าอักไม้ยุ่งยาก 5. นำเส้นใยไหมที่ทำเป็นเข็ดไหมหรือใจไหมแล้วไปตากแดดให้แห้ง |
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *