ถ้าพูดถึง “กุหลาบ” ส่วนใหญ่คงนึกเฉพาะเรื่องความสวยงามกับกลิ่นหอม แต่ความเป็นจริงแล้วกุหลาบมีคุณประโยชน์มากกว่านั้น สามารถนำมาทำเป็น “ชาชงดื่ม” สรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ และลดความดันโลหิต และ สกัดเป็น “น้ำหอม” ได้ด้วย ที่สำคัญหากปลูกในระบบอินทรีย์จะเป็นที่ยอมรับและต้องการของตลาดอย่างสูง
สำหรับในเมืองไทยแล้ว การปลูกและแปรรูปกุหลาบอินทรีย์ยังไม่แพร่หลายมากนัก จะมีเฉพาะในบางพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งใหญ่ขณะนี้ต้องไปที่สามพราน ริเวอร์ไซด์ (สวนสามพราน) อ.สามพราน จ. นครปฐม ซึ่งพัฒนาจนกลายเป็นฟาร์มต้นแบบในการปลูกและแปรรูปกุหลาบอินทรีย์ จนได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.)
อรุษ นวราช หรือคุณโอ กรรมการผู้จัดการ สามพราน ริเวอร์ไซด์ (สวนสามพราน) ทายาทรุ่นที่3 ผู้บุกเบิกโครงการ เล่าถึงความเป็นมาว่า โรงแรมแห่งนี้ เดิมชื่อ “โรส การ์เด้น” เพราะมีการปลูกกุหลาบเยอะมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้รีแบรนด์ดิ้งเป็น “สามพราน ริเวอร์ไซด์” ขณะที่ยังปลูกกุหลาบอยู่ แม้จะไม่มากเหมือนช่วงก่อตั้งเมื่อ 50 ปีก่อนก็ตาม แต่ที่แตกต่างจากในอดีต คือ การเข้ามาบุกเบิกแปลงกุหลาบที่ปลูกให้เป็นอินทรีย์ทั้งหมด รวมถึง ต่อยอดสู่การแปรรูปเป็นชาชม และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.)
ทั้งนี้ ได้พัฒนาพื้นที่ไร่ปลูกกุหลาบของสามพรานฯ จนได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลหรือ IFOAM จากสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ อย่างไรก็ตาม กว่าจะสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียนรู้และก้าวข้ามอุปสรรคในเรื่องการใช้สารเคมี
โดยคัดเลือกเป็น “กุหลาบมอญ” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น มีกลิ่นหอมและเหมาะแก่การนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชากุหลาบ และน้ำมันหอมระเหย อย่างไรก็ตาม ในการปลูกปีแรกๆ มีปัญหา “ด้วง” มากินใบ จนได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง เรื่องการกำจัดด้วงด้วยวิถีอินทรีย์ ทั้งตัวอ่อนและไข่หมดภายในเวลาไม่ช้า
“โชคดีที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์ด้านเกษตรอินทรีย์ ซึ่งไม่แนะนำให้ฆ่าแมลง แต่ในทางกลับกันต้องให้อาหารแมลง เพื่อไม่ให้มารบกวนแปลงกุหลาบมอญ อาจารย์ท่านแนะนำให้ปลูกหัวไชเท้ารอบๆ พอแมลงได้กินอาหารก็ไม่มากินกุหลาบ ตั้งแต่วันนั้นผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย เพราะว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจกับการฆ่าแบบนั้น ตอนนี้ผีเสื้อผมกลับมา ดินผมก็ดีขึ้น กุหลาบผมก็แข็งแรง และทำให้ผมเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว หลักการอินทรีย์คือการรักษาสมดุลให้ธรรมชาติ”
“จากวิธีการปลูก รวมถึงกำจัดแมลงดังกล่าว บ่งบอกได้ว่า การปลูกกุหลาบมอญของที่นี่ ป็นตัวอย่างในการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรมักเข้าใจผิดคิดว่าการปลูกกุหลาบจะต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อให้ดอกสวย แต่กว่าที่โรงแรมแห่งนี้จะปลูกกุหลาบมอญให้ได้ผลผลิตที่ดีปราศจากแมลงรบกวนก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่หมือนกัน”
คุณโอบอกว่า กุหลาบมอญถือเป็นกุหลาบพันธุ์ไทยที่ทนต่อโรค ต่อแมลง และมีกลิ่นหอมพิเศษด้วย โดยสามพรานฯปลูกกุหลาบมาสองปีกว่าแล้ว ต้นกุหลาบแข็งแรงดี และที่ผ่านมาได้ส่งตัวอย่างกุหลาบไปให้เครื่องหอมไทย-จีน สกัดน้ำมัน
“เราจะทำเป็นโมเดลปลูกกุหลาบอินทรีย์ให้กับเกษตรกร คือ สวนสามพรานจะเหมือนเป็นห้องทดลองที่มีชีวิต ถ้าทำได้จริงๆและตีตลาดได้ จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะน้ำมันหอมระเหยของกุหลาบขายกันกิโลกรัมละ 300,000 บาท ตอนนี้ตลาดน้ำมันหอมระเหยที่เอาไปใส่ในเครื่องสำอางของฝรั่งเศสที่ราคาแพง ส่วนมากจะนำเข้ามาจากบัลแกเรีย หรืออิหร่าน”
ปัจจุบันสามพรานฯ มีแปลงปลูกกุหลาบ เกือบ 4 ไร่ ช่วงที่ออกผลผลิตดีๆ จะได้ผลผลิตประมาณ 40,000 ดอก / เดือน ถ้าขายในท้องตลาด แบบสด 270 บ/กก. ส่วนที่เอาไปร้อยมาลัย 40,000 ดอกๆละ 5 กรัม จะได้ประมาณ 200 กก. คิดเป็นเงินประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน
ราคาดังกล่าว นับเป็นราคาไม่เลวทีเดียว ในแผนที่วางไว้ จะนำความรู้ ลงไปถ่ายทอดและส่งเสริมให้เกษตรกรในท้องถิ่นปลูกมากขึ้น รวมถึง แนะนำให้เข้าสู่กระบวนการแปรรูป พร้อมพาไปสู่ช่องทางการตลาด
สำหรับขั้นตอนการปลูกกุหลาบมอญ คุณโอให้ข้อมูลว่า กุหลาบมอญไม่ชอบดินที่เหนียวเพราะจะทำให้รากเน่า แต่ถ้าใส่ขุยมะพร้าวเยอะไปก็ไม่ดี ทำให้เกิดเชื้อรา ต้องใส่แบบพอดี ศัตรูที่สำคัญคือ ด้วงกุหลาบ หรือเพลี้ย จัดการได้โดยใช้บิวเวอร์เรีย( BT ) ซึ่งเป็นสารชีวภัณฑ์ ในวงการเกษตรจะรู้จักกันดี
ในการดูแลรักษาต้นกุหลาบมอญนั้น ต้องใกล้ชิด เน้นการใช้ดินที่ดี ซึ่งถ้าดูแลดีๆกุหลาบจะอยู่ได้นานอย่างน้อย 5 ปี อาจจะถึง 10 ปีด้วยซ้ำ ในเรื่องการเก็บดอกนั้น ตอนเช้าจะเด็ดประมาณสัก 05.00 น. เพราะกลิ่นจะหอมที่สุด โดยที่สามพรานใช้คนสวน 8 คนเด็ดกันประมาณ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ 05.00-8.00 น. ได้ประมาณวันละ 20 กก.
สำหรับการแปรรูปทำชากุหลาบนั้น เจ้าของสามพรานฯ บอก ทำขายได้ไม่นาน เนื่องจากเพิ่งหาวิธีที่ทำให้กลิ่นคงทนโดยไม่ได้ใส่อะไรเลย ที่ผ่านมาเคยคั่ว เคยตากแดดก็ไม่ดี ตอนหลังมาใช้เครื่อง ดีไฮเดรต โดยเด็ดทั้งดอกกุหลาบ แล้วใส่ในเครื่องดีไฮเดรต ใช้เวลา สัก 8 ชม.เครื่องจะค่อยๆ ดูดน้ำออกไป อย่าใช้ความร้อนเยอะ เพื่อให้กุหลาบยังคงสีกับกลิ่นอยู่
ขณะที่การพัฒนากุหลาบมอญอินทรีย์ เพื่อสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ก็มีโอกาสทางการตลาดไม่น้อย “น้ำมันกุหลาบหอมระเหยที่เอาไปใส่เครื่องสำอางที่แพงๆ ของฝรั่งเศสที่ใช้กัน ส่วนมากก็มาจากบัลแกเรีย หรืออิหร่าน แต่ว่ากุหลาบมอญเราหอมที่สุดแล้ว และเป็นกุหลาบท้องถิ่นที่ดีและยังไม่มีใครลองใช้ ตอนนี้เรากำลังส่งตัวอย่างกุหลาบไปที่ บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย - จีน เพื่อทำน้ำมัน ซึ่งหากทำได้จริงจะน่าสนใจมาก เพราะขายกันกิโลละ 3 แสนบาท”
หากผลการทดลองประสบความสำเร็จ พร้อมที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกุหลาบมอญอินทรีย์ได้ทันที
นี่เป็นหนึ่งในความตั้งใจของคนหนุ่มไฟแรง ต้องการยกระดับการปลูกกุหลาบ ให้เกิดคุณค่าทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์การตลาดได้ด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *