กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดตั้งกิจการใหม่เดือน ก.ค. 57 เพิ่มขึ้น 875 ราย คิดเป็น 17% สูงที่สุดในรอบปี 57 ส่วนปิดกิจการเพิ่มขึ้น 407 ราย คิดเป็น 33% ส่วนยอดตั้งใหม่ประจำ Q3 จำนวน 16,875 ราย เพิ่มขึ้น 2,828 ราย
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกันยายน 2557 ว่า เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุดในรอบปี 2557 ทั้งจำนวนรายและจำนวนทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 6,079 ราย เพิ่มขึ้น 875 ราย คิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งมีจำนวน 5,204 ราย และเพิ่มขึ้น 457 ราย คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2556 ซึ่งมีจำนวน 5,622 ราย
สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2557 มีจำนวน 1,643 ราย เพิ่มขึ้น 407 ราย คิดเป็น 33% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งมีจำนวน 1,236 ราย และเพิ่มขึ้น 193 ราย คิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2556 ซึ่งมีจำนวน 1,450 ราย
สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในเดือนกันยายน 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 30,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,498 ล้านบาท คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งมีจำนวน 27,613 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจำนวน 11,781 ล้านบาท คิดเป็น 64% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2556 ซึ่งมีจำนวน 18,330 ล้านบาท
ประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 712 ราย อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 331 ราย ภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 154 ราย ขายส่งเครื่องจักร จำนวน 141 ราย และจัดนำเที่ยว 115 ราย ตามลำดับ
ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศจำนวน 589,840 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 14.87 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 408,924 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,065 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 179,851 ราย
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวเพิ่มเติมว่า การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท ในไตรมาส 3/2557 (ก.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 16,875 ราย เพิ่มขึ้น 2,828 ราย คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2557 (เม.ย.-มิ.ย.) สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย อยู่ที่ระดับ 49.1 ซึ่งสูงกว่าในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 มูลค่า 3.2 แสนล้านบาทจะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น และคาดว่าแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ต่อไป
สำหรับเรื่องที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดข้ามเขตจังหวัดตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2557 นั้น โดยในเดือนกันยายน 2557 มีการยื่นขอจดทะเบียนข้ามเขตจำนวน 824 ราย จากการจดทะเบียนทั่วประเทศจำนวน 6,079 ราย หรือคิดเป็น 14% ซึ่งสูงกว่าเดือนก่อน (ส.ค. 57) ที่มีผู้ใช้บริการนี้ 12% โดยแบ่งออกเป็น
ส่วนกลาง 567 ราย คิดเป็น 10% โดยสำนักงานในส่วนกลางที่รับจดทะเบียนข้ามเขตมากที่สุดคือ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ) จำนวน 127 ราย รองลงมา สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 6 (ศูนย์ราชการ) 110 ราย
ส่วนภูมิภาค 257 ราย คิดเป็น 4% โดยสำนักงานในส่วนภูมิภาคที่รับจดทะเบียนข้ามเขตมากที่สุด คือ สพค.จังหวัดชลบุรี จำนวน 33 ราย รองลงมา สพค.จังหวัดปทุมธานี จำนวน 20 ราย
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้เปิดให้บริการโปรแกรมตรวจสอบข้อมูลทั่วไปของนิติบุคคล โดยสามารถค้นหาจากรายชื่อหรือเลขทะเบียนของนิติบุคคล รวมทั้งข่าวสาร กิจกรรม โครงการต่างๆ และสถานที่ให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าผ่านมือถือ (Application : DBD e-Service) โดยระบบจะแสดงผลเป็นภาษาไทย ซึ่งสามารถใช้งานผ่านระบบปฏิบัติการ IOS และ Android โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2557 เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลได้ด้วยตนเอง ซึ่งมีสถิติผู้ใช้บริการระบบจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 รวมทั้งสิ้น 163,005 ครั้ง โดยในเดือนกันยายน 2557 มีการเข้าใช้ระบบนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 33,377 ครั้ง คิดเป็น 26%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวด้วยว่า กรมฯ ยังได้ส่งเสริมให้มีการใช้ e-Commerce เพื่อประกอบธุรกิจและขยายตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรมได้ออกเครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered) เพื่อยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต บริการอินเทอร์เน็ต ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ แม่ข่ายบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้วจำนวน 11,006 ราย 12,626 เว็บไซต์ ประกอบด้วยนิติบุคคล 3,014 ราย คิดเป็น 27% บุคคลธรรมดา 7,992 ราย คิดเป็น 73% โดยธุรกิจที่ขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด ได้แก่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต จำนวน 2,377 เว็บไซต์ คิดเป็น 19% ธุรกิจแฟชั่น/เครื่องแต่งกาย/เครื่องประดับ จำนวน 1,975 เว็บไซต์ คิดเป็น 16% และธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ จำนวน 1,370 เว็บไซต์ คิดเป็น 11% ตามลำดับ
ซึ่งการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้บริโภคมาใช้บริการ นอกจากผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าออนไลน์แล้ว กรมยังได้หารือกับตลาดกลางออนไลน์ให้กำกับดูแลสมาชิกให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย เพราะหากปฏิบัติไม่ถูกต้องจะมีโทษปรับ และอาจต้องพิจารณางดให้บริการเข้าขายสินค้าในตลาดกลางด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการขยายตัวของการซื้อขายทางออนไลน์ของไทยให้เติบโตในอัตราก้าวกระโดดเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *