วันนี้ถ้าพูดถึงดารานักแสดง กับการทำธุรกิจแล้วละก็ ไม่พูดถึงคู่จิ้นคู่นี้คงไม่ได้ เพราะเขาฮอตจริงๆ ทั้งในจอและนอกจอ อย่าง "บอย"- “ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” และ "มาร์กี้"- “ราศรี บาเล็นซิเอก้า” ดาราคู่ซี้ จนบรรดาแฟนคลับของทั้งคู่ต่าง “มโน” ให้เป็นคู่เลิฟกันจริงๆ
ดูเหมือนว่า วันนี้ ไม่ใช่แค่ผลงานการแสดงที่ทั้งคู่ประสบความสำเร็จ เพราะธุรกิจเขาประสบความสำเร็จเช่นกัน กับ ร้านโฟรเซนโยเกิร์ต ที่มีชื่อว่า "ปาร์ตี้แลนด์" ซึ่งทั้งคู่ยอมควักกระเป๋าหลักหลายล้านบาท อิมพอร์ตแฟรนไชส์ปาร์ตี้แลนด์จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาเปิดในประเทศไทย พร้อมกับความมั่นใจที่ใส่มาเต็มร้อย ว่าจะสามารถแจ้งเกิดได้ไม่ยาก
และก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะสาขาแรก ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น G ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเปิดมาเพียงแค่ 3 เดือน เจ้าของร้านคิดวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มกันแล้ว
พอถามถึงเงินลงทุนสำหรับธุรกิจนี้ "บอย" บอกว่า ใช้เงินกันไปถึงเกือบ 10 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเพื่อนร่วมลงขันกันถึง 4 หุ้น นอกจากนั้นเขา กับมาร์กี้แล้ว ยังมีอีก 2 หุ้น ที่เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกัน และ "โทชิโนริ มิยาโมโตะ" เจ้าของร้านปาร์ตี้แลนด์ ที่ประเทศญี่ปุ่น มาร่วมหุ้นในครั้งนี้ด้วย
"บอย " เล่าถึงเหตุที่สนใจลงทุนแฟรนไชส์นี้ว่า เกิดขึ้นมาจากปีที่ผ่านมา (2556) มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่นได้ไปชิมโฟรเซน โยเกิร์ต ร้านปาร์ตี้แลนด์ (PARTY LAND) รู้สึกชอบติดใจรสชาติ คิดว่าอยากนำมาขายที่เมืองไทย ประกอบกับรุ่นพี่ที่สนิทรู้จักกับเจ้าของร้านเลยมีโอกาสได้พูดคุยกัน จนเป็นที่มาของการทำธุรกิจร่วมกัน
สำหรับร้านปาร์ตี้แลนด์ ที่ประเทศญี่ปุ่น มี 7 สาขา ขึ้นชื่อในหมู่คนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเพราะใครมาก็ต้องไปชิม พอชิมแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยไม่หวาน ไม่เลี่ยน เปรี้ยวกำลังดี ไม่มีไขมัน กินแล้วไม่อ้วน เอกลักษณ์เด็ด ลูกค้าจะตักท็อปปิ้งเองตามชอบใจ แล้วคิดราคาตามน้ำหนัก ซึ่งการเข้ามาเปิดในประเทศไทย ครั้งนี้ ทาง บอย และมาร์กี้ ร่วมถึงหุ้นส่วนคนอื่นๆ นำเข้ามาในลักษณะของแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
บอย เล่าว่า ครั้งนี้ ถือว่า เป็นครั้งแรกของตนเอง ที่มาทำธุรกิจที่ต้องลงทุนมากขนาดนี้ และเป็นธุรกิจแรกที่ทำอย่างเต็มตัว ซึ่งทั้งผม และมาร์กี้ ก็จะพยายามผลัดกันแวะเวียนมาเข้าร้านให้ได้ทุกสัปดาห์ เพื่อดูแลความเรียบร้อยภายในร้าน ในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่ม
ส่วนเคล็ดลับความสำเร็จ ที่วางไว้ หลักสำคัญ 4 ปัจจัย คือ 1. ประการที่ 1.ทำเล เลือกใช้สถานที่ที่คนกรุงเทพฯ รู้จักกันดี อย่างสยามพารากอน เป็นศูนย์การค้าใจกลางเมืองหลวงเดินทางสะดวกเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีหลายวัย ทั้งวัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงาน ผู้สูงอายุก็ยังมาเดิน ประการที่ 2 “ยึดมั่นในคุณภาพสินค้า” เพื่อให้ได้รสชาติ และคุณภาพโฟรเซน โยเกิร์ต แบบเดียวกันกับประเทศญี่ปุ่น โดยนำเข้าวัตถุดิบส่วนผสมต่างๆ เหมือนกับร้านต้นตำรับ ในส่วนของท็อปปิ้ง คงต้องมาดูว่าอะไรต้องนำเข้า และอะไรสามารถหาคุณภาพดีในประเทศได้
สำหรับ ประการที่ 3 คือ ประชาสัมพันธ์สม่ำเสมอ ด้วยความที่ตนเองเป็นดาราความมีชื่อเสียงตรงนี้จะใช้ให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ จะคอยประชาสัมพันธ์ร้านทุกช่องทาง และสุดท้าย ประการที่ 4 เจ้าของร้านต้องลุยเอง ประเด็นนี้เจ้าของร้านสุดหล่อ ชี้แจงว่า ทุกๆ หุ้นส่วนทุกคนจะต้องเข้าร้านอย่างน้อย 2-3ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งทุกครั้งที่ว่างจากงานในวงการจะเข้าร้านมาขายเองตลอด เช่นเดียวกับมาร์กี้ก็จะสลับสับเปลี่ยนเข้าร้านมาขายด้วยตัวเอง บางทีคุณแม่ก็พาน้องวันใหม่มาด้วย
ส่วนโฟรเซน โยเกิร์ต มีให้เลือกวันละ 8 รส สลับสับเปลี่ยนกันไป อาทิ รสธรรมชาติ, สับปะรด, แอปเปิ้ล, สตรอเบอร์รี่, องุ่น, กล้วย, วานิลลา, ช็อกโกแลต, ชีสเค้ก, รัมเรซิ่น, มองต์บลังก์, ชานม และชาเขียว พร้อมท็อปปิ้งผลไม้สดอย่าง แตงโม มะม่วงสุก กีวี สตรอเบอร์รี่ แคนตาลูปองุ่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สับปะรด รวมถึง คอร์นเฟล็กโอรีโอ มาร์ชเมลโล่ นมข้นหวาน ช็อกโกแลต เยลลี่ และผลไม้แห้ง
นอกจากจุดขายที่ตัวโฟรเซน โยเกิร์ต และความมีชื่อเสียงของเจ้าของร้าน ยังมีลูกเล่นตรงที่ลูกค้าสามารถกดโยเกิร์ตได้เอง ตักท็อปปิ้งได้เองเดินมาคิดเงินเอง ราคาลูกค้าควบคุมได้เองเลย โดยถ้วยขนาด 200 กรัม ราคาเมื่อตักแล้วโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 101-250 บาทต่อถ้วย ขณะที่กลุ่มลูกค้าของร้าน มีทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงอายุ แต่ในจำนวนนี้ 80% เป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ
โทร. 0-2690-1000
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *