ญี่ปุ่นถือเป็นต้นตำรับขนม เบเกอรี่ แปลกใหม่ มักคลอดเมนูใหม่ๆ ให้ผู้คนได้ลิ้มลองอยู่เสมอ 'แซนด์วิชญี่ปุ่น' ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจ รสชาติถูกปากคนไทยไม่ยาก ทำให้ผู้ประกอบการรายหนึ่งนำสูตรแซนด์วิชชนิดนี้มาพัฒนาสูตรและรสชาติจนขายดิบขายดี มีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัวเล็กๆ ได้สบาย กับแซนด์วิชญี่ปุ่น 'เบสท์ แฮม' (Best Ham)
ความสำเร็จจากการนำสูตรขนมจากต่างประเทศมาต่อยอด เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการเริ่มต้นธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเหมือนเป็นทางลัดให้ธุรกิจก่อร่างสร้างตัวได้เร็วขึ้น อย่าง แซนด์วิชญี่ปุ่น Best Ham ที่เจ้าของธุรกิจ “นายธวัช กนกรังษี” ย้อนที่มาธุรกิจนี้ให้ฟังว่า หลานสาวอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยได้นำแซนด์วิชญี่ปุ่นมาให้ลิ้มลองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว รู้สึกติดใจในรสชาติคิดจะนำมาต่อยอด พร้อมปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยยิ่งขึ้น
โดยเคล็ดลับอยู่ที่ 'ครีมสด' ที่นำมาทาลงบนขนมปังก่อนนำไปนาบบนกระทะ ซึ่งหากให้รสชาติเหมือนกับทางญี่ปุ่นแบบไม่ผิดเพี้ยนต้องนำเข้าในราคาสูง และอาจส่งผลต่อราคาขายแซนด์วิชญี่ปุ่นในไทยด้วย ดังนั้นเขาจึงนำครีมสดมาวิเคราะห์สูตรว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง และกลายเป็นสูตรเฉพาะตัวของแซนด์วิชเบสท์แฮมในปัจจุบัน
“ครีมสดที่ทาลงบนขนมปังก่อนนำไปปิ้งนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของเบสท์แฮม ซึ่งไม่ใช่รสชาติของมายองเนสที่คนไทยคุ้นเคย แต่จะให้รสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน ตามลำดับทุกคำที่ได้ลิ้มลอง และเมื่อสูตรครีมลงตัว เราชอบและคิดว่าคนอื่นก็น่าจะชอบด้วย แต่ยังไม่สามารถระบุกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนได้ ผมจึงลองขายตามตลาดนัด ก็พบว่าเมื่อคนซื้อไปและรับประทานเลย 1 ชิ้น จะเดินกลับมาซื้อซ้ำทันทีในระยะทางไม่ถึง 10 ก้าว ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องรสชาติแล้วว่าสอบผ่าน”
ต่อมาจึงจับใส่ถึงพลาสติกใสขายเป็นคู่ที่ 25 บาท กลับขายยาก จากแพคเกจจิ้งที่ไม่ดึงดูดใจเท่าไรนัก เขาจึงลองนำกล่องพลาสติกใส ดูสะอาดตา ชวนรับประทานบรรจุแซนด์วิชญี่ปุ่นเบสท์แฮม 4 ชิ้น ขายในราคา 50 บาทกล่อง ปรากฎว่าขายดิบขายดี คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นายธวัช บอกว่า เป็นสิ่งที่หลายธุรกิจสามารถปรับไปปรับใช้ได้ ในการเริ่มต้นธุรกิจในช่วงแรก ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนในเรื่องแพคเกจเยอะมาก ต่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวไปเรื่อยๆ ตามพฤติกรรมผู้บริโภค
สำหรับจุดเด่นของแซนด์วิชญี่ปุ่นเบสท์แฮมนอกเหนือจากครีมสดแล้ว ยังอยู่ที่วัตถุดิบที่เลือกใช้ด้วย อย่าง ขนมปังใช้ยี่ห้อฟาร์มเฮ้าส์ (Farm House) ชนิดตัดขอบ ส่วนเนื้อสัตว์ที่ใช้นำมาทำเป็นไส้แซนด์วิชเน้นคุณภาพเกรดเอ ได้แก่ แฮม ปูอัด ทูน่า และข้าวโพด ซึ่งไส้ที่เป็นพระเอกของทางร้านยังคงเป็นไส้แฮมที่ฮิตตลอดกาล
ตลอด 7 วัน แซนด์วิชเบสท์แฮม จะตระเวนไปตามตลาดทั่วกรุง โดยไม่มีหน้าร้านประจำ เพราะเจ้าของธุกริจ บอกว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการขายสินค้าลักษณะนี้ ที่นำสินค้าไปหาลูกค้าเองแทนกว่าให้ลูกค้ามาหาในที่เดิมๆ โอกาสขายสินค้าให้ได้มากจะลดลง ดังนั้นวันจันทร์ จะขายที่ รพ.เลิศสิน, ซอยละลายทรัพย์, รพ.เซ็นหลุยส์ วันอังคาร ตลาดนัดเทเวศน์, วันพุธ ที่กระทรวงสาธารณสุข, วันพฤหัสบดี ประจำการ มศว.ประสานมิตร, วันศุกร์ ม.มหิดล ศาลายา, วันเสาร์-อาทิตย์ ที่สวนหลวง ร.9 และประชานิเวศน์ 3 ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ แต่ภาพรวมลูกค้าทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบ
ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจนี้ถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ปัจจุบันมีการใช้ขนมปังสำหรับทำแซนด์วิชอยู่ที่ 75-150 ปอนด์/วัน จากการยอดขายที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ทำให้ผู้สนใจติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ แต่นายธวัช บอกว่า ตน 'ไม่คิดขายแฟรนไชส์' เพราะเกรงจะควบคุมคุณภาพไม่ได้ และเสียชื่อเสียง ดังนั้นผู้ที่สนใจจะลิ้มลองก็สามารถไปหาซื้อได้ตามตลาดนัดตามวันที่กล่าวไว้ข้างต้นได้ ซึ่งควรระวังของลอกเลียนแบบด้วย
นอกจากการขายตามตลาดนัดแล้ว แซนด์วิช Best Ham ยังรับจัดงานนอกสถานที่ งานเลี้ยง ประชุม สัมมนา ต่างๆ โดยจัดแซนด์วิชเป็นชุดตามไส้ที่ต้องการ แต่ลูกค้าต้องมารับสินค้าเอง สนนราคาขายปลีกที่กล่องเล็ก (4 ชิ้น) 50 บาท และกล่องใหญ่ 75 บาท (6ชิ้น) เรียกว่าราคาสมเหตุสมผลจากคุณภาพสินค้าที่ลูกค้าจะได้รับ
***สนใจติดต่อ 08-4712-3039***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
